เปิดพอร์ต 6 เซียนหุ้นระดับพระกาฬ ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อหลอกลงทุน
เปิดพอร์ต 6 เซียนหุ้นระดับพระกาฬ ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อหลอกลงทุน มูลค่าพอร์ตรวมกันกว่า 9,353 ล้านบาท "เสี่ยยักษ์" รวยสุด ปัจจุบันปรากฎชื่อถือหุ้นใหญ่ 7 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 2,708 ล้านบาท ด้าน "เซียนฮง" ตามมาติด ๆ มูลว่าพอร์ตกว่า 2,687 ล้านบาท
จากกรณี สถาพร งามเรืองพงศ์ หรือ เซียนฮง เจ้าของฉายา “เซียนหุ้นอัจฉริยะ” เข้าแจ้งความจับมิจฉาชีพนำชื่อและรูปถ่ายไปตัดต่อหลอกลวงประชาชนร่วมลงทุน สูญเงินไปกว่า 100 ล้านบาท นั้น เซียนฮง ไม่ใช่เซียนหุ้นรายแรกที่ถูกนำชื่อไปแอบอ้าง แต่ยังมีเซียนหุ้นชื่อดังอีกรายที่ถูกนำชื่อไปหลอกลวงประชาขชนหลากหลายรูปแบบ ทั้งเปิดคอรส์สอนหุ้น หรือชวนร่วมลงทุน ซึ่งสุดท้ายล้วนแต่เป็นมิจฉาชีพหลอกลวงทั้งสิ้น
ขณะที่ หนึ่งในผู้เสียหายอย่าง ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) ได้เล่าให้กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ฟังว่า จากกรณีดังกล่าวที่กลุ่มมิจฉาชีพหลอกนำภาพและชื่อไปแอบอ้างโดยการเปิดเพจเฟสบุค ตั้งกลุ่มปิดหรือกลุ่มไลน์ ซึ่งมีจำนวนมาก ได้ทำการแจ้งความไปกับตำรวจไปแล้วครั้งหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ไม่ได้แจ้งอีก เนื่องจากมีตั้งเฟสบุคขึ้นมาใหม่อยู่ตลอด
ทั้งนี้ ทางตำรวจเองก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ เพียงแต่รับรู้ไว้ว่าเราไม่เกี่ยว และไม่เคยมีเฟสบุคหรือไลน์ที่เป็นสาธารณะ เพราะฉะนั้นอีกหนึ่งทางคือต้องอาศัยสื่อมวลชนให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์กระจายข่าวกันออกไปว่า แท้ที่จริงแล้ว ดร.นิเวศน์ไม่เคยมีเฟสบุค และไลน์ของตัวเองที่จะมาให้ข้อมูลในการติดต่อสื่อสาร
นอกจากนี้ไม่มีการเปิดคอร์สส่วนตัวในการสอนทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นรับเชิญให้กับองค์กรที่น่าเชื่อถือ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาที่เชิญไปเท่านั้น
“เฟสบุค ไลน์ไม่ใช่ของผมไม่มี ไม่มีเคยติดต่อกับใครที่เป็นสาธารณะไม่มี มีแต่เพื่อนสนิทและครอบครัวเท่านั้นมีการใช้ไลน์แต่ก็เป็นส่วนตัวเท่านั้น ที่เห็นบนหน้าเฟสบุคไม่จริงทั้งนั้น และที่บอกว่าเป็นครูสอนในโปรแกรมของใครไม่มีแน่นอน มีแต่ไปของสมาคมฯ หรือสื่อที่มีการเชิญอยู่เป็นประจำ และไม่ได้มีการพูดเชียร์หุ้น หรือแนะนำต่างไม่มี”
ทั้งนี้ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนมาก มองว่า เป็นเรื่องที่ตลาดมีความผันผวนบ้าง มีขึ้นและมีลงตามสถานการณ์ต่าง ๆ เพียงแต่ว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างลำบาก ประสบกับปัญหาหลายอย่างที่ยังไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ หุ้นก็ลงมา ซึ่งนักลงทุนต่างวิตกกังวลว่าจะมีการทำ Short Sell ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้ จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมายืนยันแล้วว่า ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นไปตามธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม หากปัญหาได้ถูกแก้ไข เศรษฐกิจมีการเติบโต ตลาดหุ้นไทยอาจจะพลิกฟื้นคืนกลับมาได้ ส่วนตัวมองว่า ไม่น่ามีอะไรที่ผิดปกติ แต่มองเป็นภาพใหญ่ของประเทศไทย รวมถึงภาพใหญ่ของโลกที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
โดยช่วงที่ผ่านมา แต่ว่าตลาดจะมีความผันผวนอย่างหนัก แต่ยังไม่ได้มีการปรับพอร์ตแต่อย่างใด เพราะเน้นลงทุนระยะยาวหลายปี ซึ่งไม่ได้มีการปรับลดหรือเพิ่มในพอร์ตหุ้น เพราะมองว่า สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการชั่วคราวไม่ได้เป็นเกณฑ์ที่จะมีการปรับพอร์ตแต่อย่างใด
สำรวจพอร์ต 6 เซียนหุ้น ที่ถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง
“กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจพอร์ตของเซียนคนดังระดับพระกาฬ จำนวน 6 คนที่ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างซึ่งปัจจุบันถือหุ้นรวมกันมูลค่ากว่า 9,353.39 ล้านบาท
- ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หากเสิร์ชชื่อ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร จะพบว่า มีมิจฉาชีพนำเพจไปแอบอ้างเปิดเพจเกือบ 100 กว่าเพจ ซึ่งส่วนใหญ่มีสมาชิกเพจจำนวนเฉลี่ยหลักสิบ ถึงหลักพันคนเท่านั้น
ปัจจุบันพอร์ตดร.นิเวศน์และลูกสาวพบว่า มีชื่อปรากฎเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ด้วยกัน 2 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 921.80 ล้านบาท
หุ้น EASTW หรือ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) ดร.นิเวศน์ ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ 0.60% มูลค่า 41.80 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 4.18 บาท)
ส่วนหุ้น QH หรือ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ดร.นิเวศน์ ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 จำนวน 250,000,000 หุ้น หรือ 2.33% มูลค่า 550 ล้านบาท ขณะที่ ลูกสาว น.ส.พิสชา เหมวชิรวรากร ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 150,000,000 หุ้น หรือ 1.40% มูลค่า 330 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 2.20 บาท)
- เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์
มิจฉาชีพนำไปแอบอ้างสร้างเพจเฟสบุคเพื่อหลอกลวง ซึ่งหากนำชื่อ เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์ จะพบว่ามีจำนวนอยู่เกือบ 20 เพจ โดยจำนวนสมาชิกจะมีแค่หลัก 10 ถึง หลักร้อยเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่า เป็นเพจที่ไม่น่าเชื่อถือ
ปัจจุบันเสี่ยยักษ์ ปรากฎรายชื่อถือหุ้นใหญ่ 7 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 2,708.40 ล้านบาท
1.บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 295,980,057 หุ้น หรือ 1.94% รวมมูลค่า 2,367.84 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 8.00 บาท)
2.บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 จำนวน 13,701,800 หุ้น หรือ 4.36% รวมมูลค่า 65.49 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 4.78 บาท)
3.บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน 120,083,800 หุ้น หรือ 2.43% รวมมูลค่า 67.24 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 0.56 บาท)
4.บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 55,200,500 หุ้น หรือ 2.46% รวมมูลค่า 149.04 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 2.70 บาท)
5.บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NAM ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 7,000,000 หุ้น หรือ 1.00% รวมมูลค่า 40.95 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 5.85 บาท)
6.บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 284,965,300 หุ้น หรือ 1.98% (ติดเครื่องหมาย SP NC และ NP)
7.บริษัท พรพรหมเม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ PPM ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 8,739,500 หุ้น หรือ 2.07% รวมมูลค่า 17.82 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 2.04 บาท)
- เซียนฮง - สถาพร งามเรืองพงศ์
ล่าสุดได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ ที่ได้นำชื่อ และรูปถ่าย ไปทำการตัดต่อเพื่อหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุน พร้อมตั้งรางวัลนำจับมิจฉาชีพในครั้งนี้ 150,000 บาท
โดยก่อนหน้านี้มีประชาชนที่หลงเชื่อจากการเอาชื่อและรูปถ่ายไปของ “เซียนฮง” ไปแอบอ้างให้ร่วมลงทุนแล้วและเกิดความเสียหายเป็นมูลค่าหลายสิบล้านบาท
ทั้งนี้ “เซียนฮง” ได้ออกมาเตือนภัยกลโกงมิจฉาชีพ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข่าวอย่างทั่วถึงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพจากการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอีก
ปัจจุบันพบว่า “เซียนฮง” และแม่ ปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 8 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 2,687.38 ล้านบาท
1.บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 จำนวน 20,300,060 หุ้น หรือ7.67% มูลค่า 685.12 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 33.75 บาท)
2.บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 จำนวน 4,830,000 หุ้น หรือ1.07% มูลค่า 19.32 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 4.00 บาท)
3.บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 จำนวน 48,656,420 หุ้น หรือ 9.21% มูลค่า 1,216.41 ล้านบาท ส่วนแม่ นาง มณีรัตน์ งามเรืองพงศ์ ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 11,909,040 หุ้น หรือ 2.26% มูลค่า 297.72 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 25.00 บาท)
4.บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 จำนวน 5,438,700 หุ้น หรือ 0.88% มูลค่า 22.29 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 4.10 บาท)
5.บริษัท ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MICRO ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 จำนวน 26,757,400 หุ้น หรือ 2.86% มูลค่า 53.24 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 1.99 บาท)
6.บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 จำนวน 5,084,700 หุ้น หรือ 0.79% มูลค่า 76.27 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 15.00 บาท)
7.บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 จำนวน 2,500,000 หุ้น หรือ 0.83% มูลค่า 40.50 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 16.20 บาท)
8.บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จำนวน 39,622,600 หุ้น หรือ 5.83% มูลค่า 196.52 ล้านบาท ส่วนแม่ นาง มณีรัตน์ งามเรืองพงศ์ ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 16,120,400 หุ้น หรือ 2.37% มูลค่า 79.95 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ 16 พ.ย.66 ที่ 4.96 บาท)
- ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา
เป็นหนึ่งในผู้ที่เสียหายที่กลุ่มมิจฉาชีพนำชื่อไปแอบอ้างเพื่อชักชวนเข้ากลุ่มไลน์หลอกลวงลงทุน
ปัจจุบัน ดร.ไพบูลย์ ภรรยา และลูกสาว ปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 8 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 2,296.96 ล้านบาท
1.บมจ.เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ หรือ ASN ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 5,756,100 หุ้น หรือ 3.07% รวมมูลค่า 11.51 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 2.00 บาท)
2. บมจ.ชโย กรุ๊ป หรือ CHAYO ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 72,676,971 หุ้น หรือ 6.39% รวมมูลค่า 392.45 ล้านบาท ส่วน ภรรยา นาง วราณี เสรีวิวัฒนา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 19,130,578 หุ้น หรือ 1.68% รวมมูลค่า 103.30 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 5.40 บาท)
3.บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 26,961,014 หุ้น หรือ 1.85% รวมมูลค่า 700.98 ล้านบาท ส่วนลูกสาว น.ส. พิชญ์สินี เสรีวิวัฒนา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 16,125,569 หุ้น หรือ 1.10% รวมมูลค่า 419.26 ล้านบาท(คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 26.00 บาท)
4.บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม หรือ KLINIQ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน 10,399,682 หุ้น หรือ 4.73% รวมมูลค่า 369.18 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 35.50 บาท)
5.บมจ.แมนดารินโฮเต็ล หรือ MANRIN ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 จำนวน 758,600 หุ้น หรือ 2.82% รวมมูลค่า 21.43 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 9 พ.ย.66 ที่ 28.25 บาท)
6. บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 3,173,800 หุ้น หรือ 1.32% รวมมูลค่า 164.24 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 51.75 บาท)
7.บมจ.ไทยรีประกันชีวิต หรือ THREL ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 15,552,400 หุ้น หรือ 2.59% รวมมูลค่า 46.34 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 2.98 บาท)
8.บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC ลูกสาว น.ส. พิชญ์สินี เสรีวิวัฒนา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน 20,060,017 หุ้น หรือ 3.00% รวมมูลค่า 78.23 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 3.90 บาท)
- ชาย มโนภาส
มีมิจฉาชีพนำชื่อและภาพไปสร้างเพจเฟสบุค ในการสอนหุ้น วิเคราะห์หุ้นฟรี เกือบ 30 เพจ โดยสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ระบุว่า ให้ระมัดระวังอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพเป็นอันขาด ไม่กรอกข้อมูลส่วนบุคคลในเพจปลอมต่างๆ ที่แฝงมาในรูปแบบเพจเฟซบุ๊กปลอม เว็บไซต์ปลอม รวมถึง Group Line ที่ปลอมตัวเป็น ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และชาย มโนภาส ทั้งนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเพจหรือโฆษณาชักชวนให้ลงทุนตามสื่อ Social Media หากพบเห็นรบกวนให้ท่านช่วยแจ้งทีมงานและช่วยกดรายงาน
ปัจจุบันพบว่า ชาย มโนภาส ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 388.27 ล้านบาท
1.บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 8,828,000 หุ้น หรือ 1.75% รวมมูลค่า 207.45 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 23.50 บาท)
2.บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 4,400,000 หุ้น หรือ 1.27% รวมมูลค่า 117.70 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 26.75 บาท)
3.บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 8,588,000 หุ้น หรือ 1.43% รวมมูลค่า 63.12 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 7.35 บาท)
- เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง
ก่อนหน้านี้ “เสี่ยป๋อง” ได้เดินทางเข้าแจ้งความ “กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” (ปอท.) หลังมีคนปลอม และทำเพจปลอมหลอกให้ลงทุน โดยตำรวจ ปอท. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งกระบวนการต่อไปก็คงต้องไปติดตามคนกระทำความผิด แต่ค่อนข้างยาก เพราะว่าคนทำเพจดังกล่าวอยู่ในต่างประเทศ
ปัจจุบันพบว่า “เสี่ยป๋อง” และภรรยา ปรากฎเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 350,565,200 ล้านบาท
1.บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 3,475,000 หุ้น หรือ 0.56% รวมมูลค่า 4.03 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 1.16 บาท)
2.บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 4,900,000 หุ้น หรือ 0.79% รวมมูลค่า 20.09 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 4.10 บาท)
3.บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 12,050,000 หุ้น หรือ 1.08% รวมมูลค่า 80.13 ล้านบาท ส่วนภรรยา นาง โสภิศ แก้วสว่าง ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 จำนวน 12,498,000 หุ้น หรือ 1.12% รวมมูลค่า 83.11 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 6.65 บาท)
4.บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 2,680,000 หุ้น หรือ 0.42% รวมมูลค่า 40.20 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 15.00 บาท)
5.บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ 0.91% รวมมูลค่า 123 ล้านบาท (คำนวณราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย.66 ที่ 12.30 บาท)