หุ้นไทยปิดตลาดดิ่ง 8 จุด ศาลฯ วินิจฉัย ‘พิธา-ก้าวไกล’ ล้มล้างการปกครอง หลังเสนอแก้ ม.112
ตลาดภาคเย็น ณ วันที่ 31 ม.ค.67 ที่ 1,364.52 จุด หรือลดลง 8.62 จุด หรือ -0.63% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,374.87 จุด ต่ำสุด 1,359.54 จุด มีมูลค่า 48,924.36 ล้านบาท หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ‘พิธา-ก้าวไกล’ เสนอแก้ ม.112 ใช้หาเสียงเลือกตั้ง เพื่อล้มล้างการปกครอง
หลังจากที่ ศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มอ่านคำวินิจฉัยตามมาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
โดยระหว่างที่อ่านคำวินิจฉัย หุ้นได้ปรับตัวร่วงลงมา 10 จุด ล่าสุดปิดตลาดภาคเย็น ณ วันที่ 31 ม.ค.67 ที่ 1,364.52 จุด หรือลดลง 8.62 จุด หรือ -0.63% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,374.87 จุด ต่ำสุด 1,359.54 จุด มีมูลค่า 48,924.36 ล้านบาท
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงโดนกดดันจากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ การที่พรรคก้าวไกลได้ใช้สิทธิตามกฎหมายในการแก้ไขมาตร 112 เป็นการกระทำที่ล้มล้างการปกครอง โดยระหว่างที่มีการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หุ้นไทยปรับตัวไหลลงมากว่า 10 จุด
โดยมองทิศทางแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.67) ยังดูไม่ดีนัก ยังอยู่ในภาวะที่ยังสามารถซึมลงได้อีก แต่อย่างไรก็ตี โซนแนวรับที่ 1,350 - 1,360 จุด ยังเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม อยากให้นักลงทุนติดตามผลประกอบการไตรมาส 4/66 และการประชุมเฟดคืนนี้ ที่คาดว่า น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้่ย แต่อาจส่งสัญญาณที่เข้มงวดกว่าที่ตลาดประเมินไว้ได้ เนื่องจากตลาดค่อนข้างมองในแง่บวก ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็ว และแรงกว่าที่เฟดมองไว้ โดยส่วนตัวมองว่า น่าจะเกิดในครึ่งปีหลัง โดยตลาดคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 6 ครั้ง แต่เฟดมองไว้ที่ 3 ครั้งเท่านั้น
สำหรับหุ้นไทยวันนี้ ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
- PTTEP มูลค่า 2,731,201.20 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 150.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ +2.39%
- ADVICE มูลค่า 2,683,574.87 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 5.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.01 บาท หรือ +62.04%
- AOT มูลค่า 2,215,793.55 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 59.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.24%
- KBANK มูลค่า 1,935,376.95 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 120.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -1.23%
- KTB มูลค่า 1,529,612.63 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 15.90 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.24%