เปิดโผ 'หุ้นดาวเด่นแห่งเอเชีย' อินเดีย - ญี่ปุ่น มาแรง
บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดธีม “หุ้นดาวเด่นแห่งเอเชีย” อินเดีย - ญี่ปุ่น มาแรง ด้าน ธีม “หุ้นเล็กแต่แจ๋วกำลังมา” เผย 2 ตลาดหุ้นประเทศเศรษฐกิจหลักคือ สหรัฐฯ และยุโรป มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง อยู่ในช่วงการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
ศุภรัตน์ อารีย์วงศ์ Executive Director กลุ่มกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า เศรษฐกิจหลายประเทศขยายตัว อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ส่งผลบวกต่อทิศทางการเติบโตด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนของตลาดหุ้น โดยมอง 4 กลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจเด่น มีปัจจัยหนุนให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง น่าทยอยลงทุนสะสมในช่วงสภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังชะลอตัว ได้แก่ ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรป แบ่งเป็น 2 ธีมการลงทุนคือ “หุ้นดาวเด่นเห่งเอเชีย” และ “หุ้นเล็กแต่แจ๋วกำลังมา”
สำหรับธีมลงทุนแรกคือ “หุ้นดาวเด่นเห่งเอเชีย” ประกอบด้วย ตลาดหุ้นอินเดีย ที่เศรษฐกิจมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคในประเทศ หลังมีการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต ประกอบกับภาครัฐมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคช่วงก่อนการเลือกตั้ง ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจอินเดียมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ถัดมาคือ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่ทิศทางเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับลดลง ทำให้เศรษฐกิจมีโอกาสขยายตัวได้จากการบริโภคในประเทศ ภาคการลงทุน และการส่งออก โดยคาดว่าจะส่งผลบวกต่อ EPS Growth ของบริษัทจดทะเบียนในปี 2567 ได้ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ
สำหรับธีมลงทุนที่สองคือ “หุ้นเล็กแต่แจ๋วกำลังมา” กับ 2 ตลาดหุ้นของประเทศเศรษฐกิจหลักคือ สหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและอยู่ในช่วงการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้จะยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามถึงทิศทางตลาดทุนในระยะถัดไป
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากข้อมูลทางสถิติที่ผ่านมา พบว่าหุ้นขนาดเล็กจะมีศักยภาพสร้างผลตอบแทนที่ดีในสภาวะตลาดผันผวน และอาจมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นสำหรับการลงทุนระยะยาว
สำหรับ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง แต่ตลาดยังมีความกังวลต่อปัจจัยด้านเงินเฟ้อและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ยังต้องติดตามต่อเนื่อง
และตลาดหุ้นยุโรป ที่ ECB ประกาศมติคงอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมล่าสุด พร้อมส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยช่วงกลางปี 2567 อีกทั้งมีแรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาส 4/66 และ Sentiment เชิงบวกจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีน
โดยกองทุนที่แนะนำ คือ กองทุน SCBEUSM เน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมของบริษัทจดทะเบียนชั้นนำระดับโลกในยุโรป ขณะที่ SCBUSSM เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดกลางถึงเล็ก คัดเลือกหุ้นจากปัจจัยพื้นฐานที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว
ส่วนกองทุน SCBJAPAN(A) เน้นลงทุนเชิงรุกในหุ้นญี่ปุ่นที่อยู่ในช่วง Regrowth Stage สอดคล้องกับเทรนด์การทำธุรกิจสมัยใหม่ และ SCBINDEQ(A) ที่เน้นลงทุนแบบเชิงรุกในหุ้นบริษัทอินเดียคุณภาพและมีศักยภาพดี จำนวน 50 – 60 ตัว