เปิดโผ 6 สินทรัพย์ พุ่งออลไทม์ไฮปี 2567 ‘บิตคอยน์’ ผลตอบแทนนำโด่ง
เปิดโผ 6 สินทรัพย์ พุ่งออลไทม์ไฮปี 2567 ‘บิตคอยน์’ ผลตอบแทนนำโด่ง ราคาพุ่งขึ้นไปถึง 68,577.00 ดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาทองคำในทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 35,750 บาท ส่วน Gold Spot อยู่ที่ 2,080.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในรอบ 2 เดือนที่มา ปฎิเสธไม่ได้ว่า แต่ละสินทรัพย์ทั่วโลกมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีการเพิ่มขึ้นที่สุด โดยสัดส่วนของบิิตคอยน์พุ่งสูงกว่า 50% และวันนี้ (5 ก.พ.2567 เวลา 11.00 น.) ราคาพุ่งขึ้นไปถึง 68,577.00 ดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาทองคำในทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 35,750 บาท ส่วน Gold Spot อยู่ที่ 2,080.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หากจัดเรียงสินทรัพย์ตั้งแต่ต้นปีที่่ผ่านมา บิตคอยน์ บวกเพิ่มขึ้นไปนำโด่งแบบชัดเจนที่ 59% โดยมาจากปัจจัยหุ้นที่ทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นคือ Halving ที่รออยู่ในเดือนเมษายน นี้ และกองทุน ETF จึงเป็น 2 แรงที่ผนวกเข้าด้วยกัน เป็นปัจจัยที่ทำให้มีเม็ดเงินในสินทรัพย์นี้ค่อนข้างมาก
ถัดมาจะเป็นตลาดหุ้นที่คุ้นเคยกันตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตั้งแต่ต้นปีบวกไป 20% ซึ่งญี่ปุ่นถือว่าเป็นลำดับท้าย ๆ ของโลกที่ยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายแบบสุดโต่ง ที่ไม่ได้มีการเร่งร้อนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เคยปรับลดลงไปตั้งแต่ช่วงโควิด 19 และด้วยการที่ใช้นโยบายทางเงินที่สวนทางกับประเทศอื่น ๆ ไม่ว่า สหรัฐ หรือยุโรปปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกันจนสุดทาง เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ทำให้เห็นว่าอ่อนค่าอย่างชัดเจน ทำให้ภาคการส่งออกปรับตัวดีขึ้น ซึ่งกลายเป็นการนำมาของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เป็นบวก
ถัดมาเป็นตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 7% จะเน้นไปในกลุ่มของเทคโนโลยี เช่น หุ้น Nvidia ประกาศงบออกมา 8 ไตรมาส Earning ออกมาดีกว่าคาดตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ส่วนทองคำโลกสกุลดอลลาร์ปรับขึ้นที่ 3% ซึ่งถือว่าราคาทองคำปรับขึ้นทำ all time high แล้ว ทั้งนี้ในอดีตทุก ๆ Cycle ของทองคำ ที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ทองคำมักจะได้วินเนอร์ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยมาเร็วหรือช้า ทองคำจะได้ประโยชน์ โดยเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.2567) อยู่ที่ 2,115 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำ Newhigh
ส่วนดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงไป 4% สวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลก แม้ว่า Valuation จะค่อนข้างต่ำ แต่ Earning โดนดาวน์เกรตลงเรื่อย ๆ นักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการลงไปอีก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรกนักลงอาจจะมีการจัดพอร์ตในตลาดหุ้นที่มีความแข็งแกร่งทางด้าน Earning โดยให้น้ำหนักในตลาดสหรัฐรลงทุนประมาณ 20% และตลาดหุ้นไทย 10%