หุ้นน้องใหม่ STX ไม่คึก! เปิดเทรดวันแรก 2.88 บาท ต่ำจอง 4% จาก IPO 3 บาท

หุ้นน้องใหม่ STX ไม่คึก! เปิดเทรดวันแรก 2.88 บาท ต่ำจอง 4% จาก IPO 3 บาท

หุ้นน้องใหม่อย่าง STX เปิดเทรดวันแรกต่ำจอง 4.00% หรือลดลง 0.12 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2.88 บาท จาก IPO ที่ 3.00 บาท

ความเคลื่อนไหวตลาด"หุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 26 เมษายน 2567 หุ้นน้องใหม่ STX หรือ บมจ.สโตนวัน ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์หินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง และแร่โดโลไมต์ เปิดเทรดวันแรกต่ำจอง 4.00% หรือลดลง 0.12 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2.88 บาท จาก IPO ที่ 3.00 บาท
 

หุ้นน้องใหม่ STX ไม่คึก! เปิดเทรดวันแรก 2.88 บาท ต่ำจอง 4% จาก IPO 3 บาท

บล.โกเบล็ก ระบุว่า STX ดำเนินธุรกิจเหมืองหิน โดยผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์หินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างชนิดหินแกรนิต และหินปูน และแร่โดโลไมต์ (Dolomite) รวมถึงการให้บริการด้านขนส่ง โดยมีสัดส่วนรายได้ปี 66 ที่ 85.1% และ 0.1% ตามลำดับ หากแบ่งตามผลิตภัณฑ์หินแกรนิต หินปูน และแร่โดโลไมต์ปี 66 มีสัดส่วน 30.2%  47.9% และ 11.4% ตามลำดับ

ทั้งนี้บริษัทมีรายได้ และกำไรสุทธิ ปี 63-65 อยู่ที่ 410.9-279.6 ล้านบาท และ 33.2-21.6 ล้านบาท ตามลำดับ โดยคิดเป็นอัตราการหดตัวเฉลี่ย CAGR ตลอดปี 63-65 ที่ -18% และ -19% ต่อปีตามลำดับ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 นอกจากนี้มีการปิดเหมืองหนองข่าชั่วคราวในปี 65 จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นจากการผลิตเหมืองที่ลึกขึ้น ขณะที่รายได้ และกำไรปี 66 เติบโต 32%YoY และ 73%YoY สู่ 316 ล้านบาท และ 38 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากการขาดแคลนหินก่อสร้างในภาคตะวันออกทำให้ทั้งอุปสงค์ และราคาจำหน่ายเพิ่มขึ้นหนุนผลประกอบการ

 

 

 

คาดผลประกอบการปี 67 เติบโต 28% สู่ 46 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากการ 1) ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคใน EEC ตามแผนก่อสร้างปี 66-70 2) การปรับปรุง และก่อสร้างโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออกปี 67-70 และ 3)การก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบับเฟส 3 เป็นปัจจัยหนุนต่อรายได้เพิ่มเติม

จำนวนหุ้น IPO 65 ล้ำนหุ้น และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 726.4 ล้านบาท ราคา IPO คิดเป็น trailing P/E 24.22 เท่า ซึ่งสูงกว่าบริษัทที่ดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงกัน อาทิ CMAN และ SUTJA ที่ 15.7 เท่า โดยการระดมทุนเพื่อ 1) ใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจเหมืองหินและแร่ หรือใช้ในการซื้อเหมืองหินและแร่ หรือใช้ในการก่อสร้างอาคารโรงงานรวมถึงการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และ 2) เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ

พงศ์ภัค สุทธิพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บล.ไอวี โกลบอล ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการ การจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.สโตนวัน (STX) ผู้ประกอบการเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากเปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 65 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.00 บาท ระหว่างวันที่ 18-19 เมษายน 2567 และวันที่ 22 เมษายน 2567 หุ้น STX ได้รับความสนใจจากนักลงทุนซื้อหุ้นจำนวนมาก เนื่องจากมั่นใจในพื้นฐานของบริษัท ที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง และศักยภาพการเติบโตสูง

ทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สโตนวัน หรือ STX เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดเป้าหมายในการขยายแหล่งวัตถุดิบ และการผลิต เพื่อต่อยอดธุรกิจให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค ด้วยหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปลงทุนหรือซื้อธุรกิจเหมืองหิน และแร่ หรือใช้ในการก่อสร้างโรงงาน เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 

STX มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มตระกูล ดร.จเรรัฐ ปิงคลาศัย ถือหุ้นร้อยละ 34.86 กลุ่มตระกูลอะโน ถือหุ้นร้อยละ 33.56 และนายสยาม วัชรปรีชา ถือหุ้นร้อยละ 3.91 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษี และเงินทุนสำรองตามกฎหมาย

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 38.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16.48 ล้านบาท หรือ 76.5% สาเหตุหลักจากการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในปี 2566 มีรายได้รวม 371.29 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 32.8% โดยปัจจัยที่ช่วยผลักดันการเติบโตดังกล่าวมาจากรายได้การขายหินแกรนิต 20 มม.ของเหมืองหนองข่าสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง กลับมาทำการผลิตดังเดิม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทที่เหมืองจอมบึงที่เป็นโดโลไมต์ผง โดยมีการจำหน่ายให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมกระจก และอุตสาหกรรมซีเมนต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (Valued added) และเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น สนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 31.26% อัตรากำไรสุทธิ 10.24%

ทั้งนี้ หลังจากบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด mai วางเป้าหมายที่จะขยายแหล่งวัตถุดิบ และการผลิตในอนาคต ต่อยอดธุรกิจหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยการเข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองหินที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว หรือการพัฒนาเหมืองหินใหม่ ซึ่งอยู่ในที่ตั้งที่เหมาะสม พร้อมด้วยเจตนารมณ์การทำเหมืองอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้น ด้วยหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า STX และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจเหมืองหิน และแร่ รวมถึงให้บริการขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าที่ไซต์งานอย่างครบวงจร โดยมีประทานบัตรเหมือง 2 แห่ง ประกอบด้วย 

1) เหมืองหนองข่า อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ผลิตหินแกรนิต ซึ่งใช้ในการก่อสร้างอาคาร ถนน จำหน่ายให้กับลูกค้าแถบจังหวัดชลบุรี รวมถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC และ 

2) เหมืองจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ผลิตและจำหน่ายหินปูน และแร่โดโลไมต์ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซีเมนต์ งานผลิตแก้ว ปรับสมดุลดินหรือบำบัดน้ำ เป็นต้น

 โดยเมื่อสิ้นปี 2566 เหมืองทั้ง 2 แห่ง มีปริมาณสำรอง 1.17 และ 13.82 ล้านตัน จะทำให้ปริมาณสำรองในการผลิตหมดภายในปี 2568 และ ปี 2573 ตามลำดับ โดยในปี 2566 กลุ่มบริษัทมีโครงสร้างรายได้แยกตามรายผลิตภัณฑ์ได้แก่ หินแกรนิต : หินปูน : แร่โดโลไมต์ สัดส่วน 33 : 55 : 12 ตามลำดับ

โดย  STX มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 307.13 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 242.13 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 65 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 64 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 0.50 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 0.50 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 18 – 19 เมษายน และ 22 เมษายน 2567 ในราคาหุ้นละ 3.00 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 195 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO  921.40 ล้านบาท 

ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 24.22 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (งวดปี 2566) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.12 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการ การจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์