กลยุทธ์ลงทุนหุ้นอินเดียหลังผลเลือกตั้ง Surprised ตลาด
แม้ว่าตอนนี้ หุ้นอินเดียจะมีราคาที่แพงแต่การเติบโตของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่สูง มองว่าระดับ Valuation ปัจจุบันน่าดึงดูดในระยะกลาง-ยาวมากขึ้น เราจึงแนะนำสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ และเน้นลงทุนในระยะกลางถึงยาวควรพิจารณาซื้อสะสมกองทุนหุ้นอินเดีย
ผลการเลือกตั้งทั่วไปของอินเดียปี 2024 สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดและนักลงทุนมาก กล่าวคือก่อนเลือกตั้งพรรครัฐบาล หรือ กลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (National Democratic Alliance : NDA) คาดว่าจะชนะการเลือกตั้งและสามารถครองที่นั่งในโลกสภาไม่ต่ำกว่า 400 ที่นั่ง ซึ่งผลสำรวจผลเลือกตั้ง (Exit Poll) ยืนยันเช่นนั้น ทว่าผลการเลือกตั้งจริงๆ ปรากฏพบว่า กลุ่ม NDA สามารถครองที่นั่งในโลกสภาได้เพียง 293 ที่นั่ง (พรรค BJP ซึ่งเป็นพรรคของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี สามารถครองที่นั่งในโลกสภาได้ 240 ที่นั่งต่ำกว่าการเลือกตั้งก่อนหน้าเมื่อ 5 ปีก่อนที่ได้ 303 ที่นั่ง) โดยสูงกว่า 272 ที่นั่งซึ่งเป็นเกณฑ์เสียงที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้เพียงเล็กน้อย ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน หรือ กลุ่มพันธมิตรเพื่อการพัฒนาแห่งชาติอินเดีย (Indian National Developmental Inclusive Alliance: I.N.D.I.A.) สามารถครองที่นั่งในโลกสภาได้ 232 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม แม้คะแนนเสียงจำนวนที่นั่งของกลุ่ม NDA จะลดลงเมื่อเทียบกับครั้งก่อนแต่ก็ยังได้เสียงข้างมากจนส่งผลให้นายนเรนทรา โมดี สาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดียเป็นสมัยที่ 3 ในวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. 2024 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นายโมดีเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 2 เท่านั้นที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอินเดียถึง 3 สมัยติดต่อกัน ตามหลังนายชวาหะร์ลาล เนห์รู รัฐบุรุษแห่งอินเดีย
นายกรัฐมนตรีโมดี จากนี้ไปจะเผชิญความท้าทายในการบริหารประเทศมาก ดังนั้น นักลงทุนจะต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายรัฐบาลใน 125 วันแรก (125-Day Agenda ) ซึ่งรวมนโยบาย 100 วันแรก ของรัฐบาล “โมดี 3.0" และการประกาศงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.ค. 2024 ซึ่งเราคาดว่าด้วยลักษณะของรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรค BJP การดำเนินนโยบายจะมีความกว้างในขอบเขตของการพัฒนา มากกว่าการมุ่งเน้นพัฒนาในภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่งเป็นหลัก ซึ่ง เรามองว่าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอินเดียในภาพรวม
เรามองว่า นโยบายหลักของพรรคยังคงได้รับการสนับสนุน เช่น การส่งเสริมภาคการผลิตและโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการผลิต (Production-Linked Incentive Scheme: PLI) เพื่อสนับสนุนการจ้างงาน รัฐบาลจะผลักดันการส่งออกในภาคบริการที่มีมูลค่าสูง (high value-add sectors for service exports) และเชื่อว่า การลงทุนภาครัฐและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้ว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามมติของรัฐบาลผสม ขณะที่ รัฐบาลผสมมีแนวโน้มเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อสวัสดิการในชนบท (rural welfare) ซึ่งเป็นผลดีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคประเภท FMCG
เรามองว่าทิศทางการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนอินเดียยังคงชัดเจน โดย Goldman Sachs คาด (Source : Goldman Sachs “India elections : NDA's third term, with reduced majority; Favor targeted themes aligning with policy goals” as of 5 June 2024) กำไรบริษัทจดทะเบียนในดัชนี MSCI India จะเติบโต 15% ในปี 2024 และจะขยายตัว 15% ในปี 2025 ขณะที่ Valuation ในปัจจุบัน ดัชนี MSCI India ซื้อขายที่ระดับ 12m forward P/E 21.5 เท่า ซึ่งคิดเป็น +1.1 S.D. เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปี แม้ว่าตอนนี้ หุ้นอินเดียจะมีราคาที่แพงแต่ด้วยการเติบโตของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่สูง เรามองว่าระดับ Valuation ณ ปัจจุบันน่าดึงดูดในการลงทุนระยะกลางถึงยาวมากขึ้น เราจึงแนะนำสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ และเน้นลงทุนในระยะกลางถึงยาวควรพิจารณาซื้อสะสมกองทุนหุ้นอินเดีย (Accumulate Buy)