TRUE งบ Q2/67 ผลงานกระเตื้อง 19% เป้าปี 67 หวังมีกำไร
"ทรู คอร์ปอเรชั่น" โชว์งบ Q2/67 บรรทัดสุดท้ายติดลบ 1,878.65 ล้านบาท แต่ถือว่าดีขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ผลกระทบด้อยค่าของสินทรัพย์ที่ใช้พัฒนาเครือข่าย 4,277 ล้านบาท ส่วน EBITDA ดีขึ้นชัดจากไตรมาสแรกมากกว่า 802 ล้านบาท
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ขาดทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 1,878.65 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 2,319.69 ล้านบาท
ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 2567 ขาดทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่รวม 2,647.90 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุน 1,704.20 ล้านบาท
คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการเปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2567 การมีผลขาดทุนสุทธิได้รับผลกระทบเชิงลบจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวน 4,277 ล้านบาท จากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization)
โดยภายหลังจากการปรับปรุงรายการใหม่ (Normalized) จากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทจะเป็นจำนวน 2,398 ล้านบาท ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับจำนวน 1,596 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2567 ผลกำไรสุทธิดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของ EBITDA และการลดลงของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (D&A) ที่ลดลง
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) สำหรับไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ที่ 6,112 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยและการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRUE เปิดเผยว่า นับตั้งแต่การควบรวมกิจการเมื่อปีที่แล้ว ทรู คอร์ปอเรชั่นมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างยั่งยืน ผลประกอบการไตรมาส 2 สอดคล้องกับแผนการควบรวมกิจการ โดยมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและ EBITDA แสดงการเติบโตเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน
ทรู คอร์ปอเรชั่นได้วางแผนการเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างกำไรและคุณค่าอย่างยั่งยืนผ่านประสบการณ์ การเติบโต และการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมภายในปี 2568 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการทำกำไรในปี 2567 ในขณะที่ปี 2568 จะเป็นปีแห่งการทำกำไรอย่างยั่งยืนและการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า อุตสาหกรรม ตลาด และประเทศโดยรวม
นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRUE เปิดเผยแผนการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและการเตรียมพร้อมสู่อนาคตว่า บริษัทกำลังเร่งการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย โดยได้ดำเนินการพัฒนาไปแล้วกว่า 7,100 สถานี จากทั้งหมด 17,000 สถานี ส่งผลให้คะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (NPS) ดีขึ้น เราได้จัดตั้งกลุ่มงานลูกค้าและ AI เพื่อยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มความเร็วสูงสุดของ 5G เป็นสองเท่าผ่านโครงข่ายที่เหนือกว่าและครอบคลุมกว้างที่สุด ทรู คอร์ปอเรชั่นมีเจตนารมณ์ในการลงทุนสำหรับการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยรวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถของระบบหลังบ้านแบบอัตโนมัติ (Back-end systems) เพื่อขับเคลื่อนการเป็นดิจิทัลทั่วทั้งองค์กร ทำให้ทรูก้าวล้ำในการเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี จากเสาสัญญาณทั้งหมด 59,000 สถานี บริษัทจะพัฒนา 17,000 สถานีโดยมีแผนพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป 10,000 สถานีภายในปี 2567 และส่วนที่เหลือจะแล้วเสร็จในปี 2568
ในไตรมาส 2 ปี 2567 การให้ความสำคัญเชิงคุณภาพในการได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลง 0.6 ล้านเลขหมาย หรือ 1.2% จากไตรมาสก่อน โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 50.5 ล้านเลขหมาย จำนวนผู้ใช้บริการระบบรายเดือนคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 15.3 ล้าน ผู้ใช้บริการออนไลน์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อยู่ที่ 3.7 ล้าน
นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) TRUE กล่าวว่า คณะผู้บริหารของทรู คอร์ปอเรชั่นได้ปรับปรุงแนวโน้มสำหรับปี 2567 โดยคาดว่าสำหรับทั้งปี 2567 บริษัทจะมีรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) เติบโต 4-5% เมื่อเทียบกับปีก่อน EBITDA จะเติบโต 12-14% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในขณะที่แนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) รวมถึงการลงทุนเพื่อการควบรวมกิจการยังคงอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ทั้งปี 2567 จะยังคงมีกำไรหากไม่รวมผลกระทบจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย