ก.ล.ต. รีฟอร์ม‘ตลาดทุนไทย’ ฟื้นเชื่อมั่น ดึงโฟลว์ไหลกลับโค้งท้ายปีนี้
ก.ล.ต.มั่นใจ ตลาดทุนไทย มีเสน่ห์อีกมาก ผ่านนโยบายรัฐบาลใหม่ และหลังพลิกฟื้นเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างเชื่อมั่นนักลงทุน ขณะที่ ”ไทยแลนด์โฟกัส 2024“ เป็นไปตามเป้าหมาย ต่างชาติคลายกังวลมากขึ้น หวังเห็นฟันด์โฟลว์ไหลกลับไตรมาส 4ปีนี้ เป็นจุดเปลี่ยน ดันดัชนีสู่ 1,500 จุด
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตลาดทุนไทยยังมีเสน่ห์อีกมาก ด้วยนโยบายรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตในระยะข้างหน้า และการที่ ก.ล.ต. และ ตลท. ได้มีกลไกต่างๆ เข้ามาเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในตลาดทุนไทย ไม่ว่าจะเป็น มาตรการ Uptick Rule เพื่อป้องกันการปั่นราคาหุ้นให้ลงและลดความผันผวนในตลาด และที่กำลังจะดำเนินการเร็วๆนี้ อย่าง มาตรการ Dynamic Price Band (DPB) และ Minimum Resting Time เพื่อลดความผันผวนของราคาหุ้นและควบคุมพฤติกรรมซื้อขายหุ้นไม่เหมาะสม รวมถึงเพื่อสร้างตลาดทุนไทยให้ข้อมูลที่ครบถ้วนให้กับนักลงทุนประกอบการตัดสินใจลงทุน และทำให้ตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น
ในปีนี้การเดินหน้าออกมาตรการเพิ่มเติมต่างๆ ตามบทบาทของก.ล.ต. ครบหมดแล้ว และเพื่อให้สอดคล้องไปกับบริบทสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ยืนยันว่า มาตรการต่างๆ เหล่านี้ สามารถปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกได้เช่นกัน
ทั้งนี้ จากงานไทยแลนด์โฟกัส 2024 พบว่า นักลงทุนต่างชาติ คลายกังวลมากขึ้น มีความไว้วางใจและเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยฟื้นกลับมาจากสิ่งที่ตลาดทุนไทยเดินต่อไปในระยะข้างหน้า
แน่นอนว่า “ตลาดทุนไทย” จะมีความสำคัญอย่างมาก ทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มีหลากหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ให้ประเทศไทยศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค ( Financial Hub) สร้างเม็ดเงินลงทุนโดยตรง(FDI) และเม็ดเงินลงทุนทางอ้อมผ่านตลาดทุนไทย รวมถึงการลงทุนทางการเงินที่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องธรรมาภิบาล สร้างบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่มีคุณภาพและเข้มแข็ง รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อสร้างแรงจูงใจกับ บจ.ที่มีธรรมาภิบาลดีอยู่ เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นช่องทางระดมทุนในตลาดทุนไทยอย่างยืน
รวมถึงสร้างเงินลงทุนระยะยาวในประเทศ ด้วยการผลักดันของรัฐบาล อย่างกองทุนไทยอีเอสจี (ThaiESG) และกองทุนวายุภักษ์ วงเงิน 100,000-150,00 ล้านบาท ที่จะเปิดในปีนี้ ส่วนใหญ่จะเข้าในในตลาดทุนไทย จะทำให้นักลงทุนมองเห็นว่าประเทศไทยน่าลงทุนมากขึ้น
นางพรอนงค์ กล่าวว่า หลังจากการปฏิรูปตลาดทุนไทยครั้งนี้ มองจุดเปลี่ยนตลาดทุนไทยจะเกิดขึ้นในไตรมาส4ปีนี้ มีโอกาสเห็นเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดทุนไทย คาดหวังเริ่มเห็นดัชนีหุ้นไทยทยอยปรับตัวขึ้นที่ระดับ1,500 จุดก่อน เป็นโมเมนตัมเชิงบวกในระยะถัดไป
เนื่องจากมองว่า ปัจจัยลบในประเทศ น่าจะไปหมดแล้ว มีปัจจัยหนุนที่สร้างความได้เปรียบจาก นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยของรัฐบาล มาตราการเพิ่มเติมสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดทุนไทยและราคาหุ้นไทยอยู่ในระดับที่น่าสนใจ เรารอการรับรู้ของนักลงทุนทั้งรายย่อย สถาบัน และต่างชาติ พิจารณาและตัดสินใจลงทุนต่อไป ซึ่งมาตาการเพิ่มเติมต่างๆ นั้นอาจทำให้สภาพคล่องในตลาดทุนไทยลดลงไปบ้าง หากเป็นเม็ดเงินระยะสั้นเข้ามาสร้างความผันผวนให้กับตลาดทุนไทย ในส่วนนี้เห็นลดลง ก็ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
“แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยและตลาดทุนไทย อยู่ในช่วงเริ่มฟื้นและรอการปรับตัวดีขึ้น อาจเห็นว่าฟันด์โฟลว์ยังไหลออกมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆได้มาจากหลากหลายปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก ทั้งปัญหาความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์และการเลือกตั้งสหรัฐ ยังเป็นความไม่แน่นอนและ เป็นความเสี่ยงในระยะข้างหน้าต่อตลาดทุนไทย ต้องติดตามใกล้ชิด”