สรุปนโยบายหาเสียง ทรัมป์ & แฮร์ริส ดีเบตครั้งแรก

สรุปนโยบายหาเสียง ทรัมป์ & แฮร์ริส ดีเบตครั้งแรก

ดีเบตกันครั้งแรกระหว่าง ทรัมป์ & แฮร์ริส ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากทั่วโลก ซึ่งนโยบายหาเสียงสำคัญที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ค่อนข้างมีมุมมองที่แตกต่างกัน จับตาการเลือตั้งสหรัฐ 2024 จัดขึ้นในวันที่ 9 พ.ย.67 นี้

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า การดีเบตกันครั้งแรกระหว่าง TRUMP (REPUBLICAN) & HARRIS (DEMOCRAT) ณ เมืองฟิลาเดลเฟีย จัดขึ้นก่อนวันเลือกตั้งจริง 56 วัน ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากทั่วโลก ซึ่งนโยบายหาเสียงสำคัญที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ค่อนข้างมีมุมมองที่แตกต่างกัน

สรุปนโยบายหาเสียง ทรัมป์ & แฮร์ริส ดีเบตครั้งแรก

ขณะที่นโยบายการเก็บภาษีของทั้ง 2 พรรค สวนทางกันอย่างชัด

  • DEMOCRAT  “หาก HARRIS ชนะการเลือกตั้ง” จะเพิ่ม CORPORATE TAX จาก 21% เป็น 28% ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อ EPS GROWTH สหรัฐแต่อาจหนุน FUND FLOW อาจไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่มต่อก็ได้
  • REPUBLICAN  “หาก TRUMP ชนะการเลือกตั้ง” จะลด CORPORATE TAX เหลือ 15% ซึ่งมีโอกาสที่ EPS GROWTH จะเพิ่มขึ้นดังเช่นปี 2016-2017 ช่วงที่ TRUMP ขึ้นเป็น ประธานาธิบดีสหรัฐ สมัยแรก อีกทั้งยังมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราสูง อาจทำให้ TRADE WAR เสี่ยงรุนแรงขึ้น
    สรุปนโยบายหาเสียง ทรัมป์ & แฮร์ริส ดีเบตครั้งแรก

สำหรับ THEME การลงทุน POLICY PLAY มักเหวี่ยงไปตามผล POLL สํารวจว่า พรรคใดจะครองเสียงคะแนนความนิยมมากกว่ากัน โดยล่าสุดคะแนนเสียงความนิยมของ HARRIS ยังคงนำหน้า TRUMP อยู่ที่ 48.4 ต่อ 47.3

ส่วนมุมข้อมูลสถิติในอดีตของผลตอบแทนตลาดหุ้นหลังวัน DEBATE ชิงเก้าอี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ พบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐ ค่อนข้างมีความผันผวน เฉพาะอย่างยิ่งช่วง 7 วันหลังการดีเบต กดดัน S&P500 ร่วงลงเฉลี่ยราว 1.5%

สรุปนโยบายหาเสียง ทรัมป์ & แฮร์ริส ดีเบตครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม การเลือตั้งสหรัฐ 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9 พ.ย.67 นี้ ยังต้องติดตามความคืบหน้าอยู่เป็นระยะๆ เนื่องจาก THEME การลงทุน POLICY PLAY มักเหวี่ยงไปตาม
ผล POLL สํารวจว่าพรรคใดจะครองเสียงคะแนนความนิยมมากกว่ากัน 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์