โบรกชี้‘กลุ่มอสังหาฯ’ฟื้นเด่น รับ กนง. ลดดบ. หนุนต้นทุนต่ำ-เพิ่มกำลังซื้อ
“หุ้นไทย” พุ่งแรง 20 จุด หลังกนง. สุดเซอร์ไพร์ส “ลดดอกเบี้ย” 0.25% หวังบรรเทา “ภาระหนี้” สอดรับเศรษฐกิจ โบรกชี้ลดแรงกดดันกำลังซื้อผู้บริโภค-ต้นทุนการเงิน “กลุ่มอสังหาฯ” หนุนดัชนีฯระยะสั้น พร้อมประเมินลดดอกเบี้ยทุก 0.25% ลดเงินผ่อนต่อเดือน 2% ด้านปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
พลันที ! ผลจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วานนี้ (16 ต.ค.2567) ถือว่าเป็นการเซอร์ไพร์สตลาด หลัง กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 “ลดดอกเบี้ยนโยบาย” 0.25% มาที่ 2.25% จะช่วยบรรเทาภาระหนี้ได้บ้าง โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงในระดับที่ยังเป็นกลาง และสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ กนง. ยังปรับมีการเพิ่มคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น 2.7% จาก 2.6% ส่วนปี 2568 ขยายตัวลดลงเป็น 2.9% จากเดิม 3% โดยหนุน “ดัชนีหุ้นไทย” ช่วงบ่ายวานนี้พุ่งสูงสุดของวันอยู่ที่ 23.56 จุด ก่อนกลับมาปิดตลาดปรับขึ้น 19.98 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ระดับ 1,485.01 จุด มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 77,184.13 ล้านบาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทางฝ่ายมองอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเร็วกว่าที่คาด ถือว่าเป็น Positive Surprise หนุนให้ “ดัชนีหุนไทย” (SET INDEX) ปรับตัวขึ้นแรง และท่ามกลางแรงกดดันด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคและต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มกลุ่มอสังหารวมถึง REITs แนะนำ AP, SPALI ,SIRI, CPNREIT, LHHOTEL
“กองรีท REIT และอสังหาฯ ที่มีสัดส่วนการก่อหนี้สูง จะได้ประโยชน์ทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และการประเมินมูลค่าปัจจุบันของสินทรัพย์ในพอร์ตที่เพิ่มขึ้น ที่ราคาปัจจุบันยังให้ปันผลสูง“
นอกจากนี้ กลุ่มหุ้นอื่นๆ ที่ได้ประโยชน์จาการลดดอกเบี้ย ได้แก่ กลุ่มการเงิน กลุ่มการบริโภค กลุ่มการส่งออก และกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น หุ้น TIDLOR, JMT, SAWAD, BAM, GPSC, BGRIM, BCPG, 3BBIF
อย่างไรก็ตาม เรามองว่า กนง. มีมติเซอร์ไพร์สในการปรับลดดอกเบี้ยรอบนี้ ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยแค่ในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยอาจไม่ต่อเนื่อง ในการประชุมกนง. เดือนธ.ค. นี้ คาดว่ายังต้องรอประเมินตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยแท้จริงก่อน หากเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว ก็ยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ จากที่ล่าสุด ธปท. ปรับคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2567 เพิ่มมาที่ระดับ 2.7% จากเดิม 2.6% แต่ปรับลดจีดีพีไทยปี 2568 มาที่ระดับ 2.9% จากเดิม 3% ดังนั้น คาดดัชนีหุ้นไทยระยะสั้นแกว่งตัว ในกรอบแนวรับ 1,470จุด และแนวต้าน 1,485 จุด
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Head of Global Investment Strategy บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.25% จะเป็น Sentiment บวกต่อภาพรวมทั้งกลุ่มอสังหาฯ ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ โดยประเมินการปรับลดดอกเบี้ยทุก 0.25% จะช่วยลดเงินผ่อนต่อเดือนราว 2% ส่วนฝั่งผู้ประกอบการอสังหาฯจะได้ผลบวกในแง่ลดต้นทุนการเงิน โดยเฉพาะผู้ที่มีสัดส่วนหนี้ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง อาทิ AP, SPALI
อย่างไรก็ตาม แม้การลดดอกเบี้ยจะเป็นส่วนช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขาย แต่ ตลาดอสังหาฯยังมีปัจจัยที่ท้าทาย อาทิ การเข้มงวดของปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และยังต้องเร่งระบาย Supply เหลือขายในตลาด ทำให้มองภาพรวมเป็นลักษณะทยอยฟื้น
ดังนั้น มองว่า ผู้ที่มีพอร์ตกระจายตัว กลยุทธ์เปิดโครงการจับกลุ่มที่ยังมี Demand และกำลังซื้อดี และมีส่วนแบ่งตลาดแข็งแกร่ง จะได้เปรียบกว่ารายอื่น เน้นคงเลือก AP เป็น Top Pick โดยระยะสั้นแนวโน้มงบ ไตรมาส 3/2567 ฟื้นดีจากไตรมาสก่อนหน้า และราคาหุ้น YTD ยังปรับขึ้นมาน้อยกว่าตลาด (Laggard)
นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า การตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ ถือว่าเหนือความคาดหมายของเรา และที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้น เรามองการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท. เป็นบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากต้นทุนการเงินของบริษัทที่ลดลง
อีกทั้งเป็นการช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับภาคประชาชน ให้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้เนื่องจากค่างวดในการผ่อนมีแนวโน้มปรับลดลง เรามองเป็นบวกตัวหุ้นอสังหาฯ โดยเฉพาะตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งเช่น AP และ SIRI ซึ่งเป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่ม พร้อมกับช่วยหนุนดัชนีหุ้นไทยระยะสั้น กรอบแนวรับ 1,470 จุด และแนวต้าน 1,500 จุด