ห้ามใช้"ยาปฏิชีวนะ"ในสัตว์ฟาร์ม กฎหมายใหม่สหภาพยุโรป ที่ผู้ผลิตต้องรู้

ห้ามใช้"ยาปฏิชีวนะ"ในสัตว์ฟาร์ม กฎหมายใหม่สหภาพยุโรป ที่ผู้ผลิตต้องรู้

ให้ยุติการใช้"ยาปฏิชีวนะ"อย่างต่อเนื่อง ในการเลี้ยงสัตว์ฟาร์ม ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรป ประกาศปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตทั่วโลก

สหภาพยุโรปบังคับใช้กฎหมายใหม่ ห้ามใช้ยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่องในการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์ม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) เห็นพ้องว่าการบังคับใช้กฎหมายครั้งสำคัญนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวด้านนโยบายที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในโลก

ในแต่ละปี ทั่วทวีปยุโรปมีการเลี้ยงสัตว์ฟาร์มในกรงขังกว่า 300 ล้านตัว และในแต่ละปีมีการผลิตไก่พันธุ์เนื้อถึง 7,200 ล้านตัว

สัตว์เหล่านี้ส่วนใหญ่ต้องทนทุกข์ทรมานในฟาร์มขนาดใหญ่ และได้รับยาปฏิชีวนะทางอาหารหรือน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากวิธีการเลี้ยงที่โหดร้าย

ซึ่งกฎระเบียบฉบับใหม่ของสหภาพยุโรปได้กำหนดให้มีการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษาสัตว์ที่ป่วยเท่านั้น (ไม่ใช่ให้รวมทั้งคอก)

ดังนั้น การใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อแก้ปัญหาจากการเลี้ยงสัตว์ฟาร์มที่มีสวัสดิภาพต่ำนับแต่นี้ไปจึงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

ห้ามใช้\"ยาปฏิชีวนะ\"ในสัตว์ฟาร์ม กฎหมายใหม่สหภาพยุโรป ที่ผู้ผลิตต้องรู้

ใช้ยาปฏิชีวนะเกินจำเป็น

ที่ผ่านมาปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะเกินความจำเป็น ส่งผลกระทบทำให้เกิดวิกฤตด้านสาธารณสุขทั่วโลก

ในแต่ละวันมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกมากถึง 3,500 คนจากการติดเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ (Superbugs) ประมาณ 3 ใน 4 ของปริมาณยาปฏิชีวนะที่มีอยู่ทั่วโลกถูกใช้กับสัตว์ฟาร์ม โดยเฉพาะในฟาร์มอุตสาหกรรมที่มีการเลี้ยงดูอย่างทารุณโหดร้าย  

ในทางกลับกันสัตว์ที่ได้รับการเลี้ยงในฟาร์มที่มีสวัสดิภาพสูง จะมีสุขภาพดีกว่า มีภูมิต้านทานโรคได้ดีกว่า และแทบไม่ต้องพึ่งพายาปฏิชีวนะ

เนื่องจากทวีปยุโรปเป็นแหล่งนำเข้าอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก ดังนั้นกฎระเบียบใหม่นี้จะส่งผลกระทบไปยังผู้ผลิตทั่วโลก

เนื่องจากสหภาพยุโรปจะสามารถปฏิเสธการนำเข้าสัตว์ที่มีชีวิตหรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มีการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อเร่งการเติบโตของสัตว์

สหภาพยุโรปจะดำเนินการบังคับใช้กฎระเบียบใหม่นี้สำหรับผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทั้งภายในทวีปยุโรปและรวมถึงประเทศคู่ค้า

ห้ามใช้\"ยาปฏิชีวนะ\"ในสัตว์ฟาร์ม กฎหมายใหม่สหภาพยุโรป ที่ผู้ผลิตต้องรู้

ในซุปเปอร์มาเก็ต ภาพโดย © World Animal Protection / Julia Bakker

สุขภาพสัตว์ฟาร์มที่ถูกกรงขัง

Jacqueline Mills หัวหน้าฝ่ายสัตว์ฟาร์ม องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก กล่าวว่า “เราพบเห็นสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ฟาร์มในกรงขังที่น่าหดหู่ เช่น

ไก่ที่มีอัตราการเจริญโตเร็วมากจนยืนไม่ได้ และลูกหมูก็ถูกตัดตอนอวัยวะอยู่เป็นประจำ สัตว์นับพันล้านตัวที่เกิดในฟาร์มอุตสาหกรรมต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ยาก

นี่อาจทำให้เราได้บริโภคเนื้อสัตว์ราคาถูก แต่เรากลับลืมนึกถึงสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยปัญหาสุขภาพของเราเอง”

“วันนี้สหภาพยุโรปกำลังเดินหน้าแนวทางใหม่ที่เข้มข้นขึ้นในการแก้ไขปัญหาวิกฤต Superbugs ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ฟาร์มจะต้องยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์

ทุกประเทศทั่วโลกจะต้องลุกขึ้นเผชิญความจริงที่ว่า เราต้องยุติการเร่งผลิตเนื้อสัตว์ที่เต็มไปด้วยยาปฏิชีวนะที่เป็นผลจากการปกปิดปัญหาสวัสดิภาพสัตว์

เราต้องหยุดการทำฟาร์มอุตสาหกรรมเพื่อให้แน่ใจว่าสัตว์ในฟาร์มที่เหลืออยู่จะมีชีวิตที่ดีในระบบที่มีมนุษยธรรมและยั่งยืน” Jacqueline Mills กล่าวเพิ่มเติม

โชคดี สมิทธิ์กิตติผล ผู้จัดการแคมเปญสัตว์ฟาร์ม องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย ให้ข้อมูลเพิ่มว่า  ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตเพราะเชื้อดื้อยากว่าปีละ 38,000 คน หรือเสียชีวิต 1 คนทุกๆ 15 นาที ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่น่ากลัว

ปีที่ผ่านมาเราทำได้การสำรวจเนื้อสัตว์ที่วางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตตลอดจนแหล่งน้ำสาธารณะและสิ่งแวดล้อมรอบๆ ฟาร์ม พบว่ามีการปนเปื้อนของเชื้อดื้อยาเป็นจำนวนมาก หลายตัวอย่างที่พบเป็นการดื้อต่อยาหลายขนาน

รวมถึงดื้อต่อกลุ่มยาที่มีความรุนแรง ซึ่งทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระบบการผลิตเนื้อสัตว์แบบปัจจุบันเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพคนอย่างรุนแรง

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยุติวิกฤตเชื้อดื้อยาในประเทศไทย เราจึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐออกกฎหมายห้ามใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคแบบรวมกลุ่มในสัตว์ฟาร์มและให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

นอกจากนั้นต้องมีแนวนโยบายในการยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ฟาร์มตามแนวทางมาตรฐานขั้นต่ำในการเลี้ยงสัตว์ฟาร์ม เพื่อทำให้สัตว์ฟาร์มมีชีวีตที่ดีขึ้นและลดความจำเป็นในการใช้ยาปฏิชีวนะแบบไม่จำเป็น”