'ชลน่าน'ตอบชัดครั้งแรก 'กัญชา' ห้ามสันทนาการ เล็งเพิ่ม'ส่วน'เป็นยาเสพติด
‘หมอชลน่าน’ลั่นกัญชาห้ามสันทนาการ กำหนดในร่างพรบ.กัญชา เผยเป็นไปได้เพิ่ม ‘บางส่วน’เป็นยาเสพติด มากกว่าแค่สารสกัดTHC เกิน 0.2 % ย้ำออกกฎหมาย ทุกฝ่ายไม่เสียประโยชน์-ไม่เป็นโทษกับเพื่อนมนุษย์ มั่นใจไม่ขัดกับภูมิใจไทย
จากกรณีที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.)จะมีการเสนอร่างพ.ร.บ.กัญชากัญชงเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง หลังจากที่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้มีการตีตกร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 กันยายน 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางกัญชาในรัฐบาลใหม่ว่า การเสนอกฎหมายเป็นสิทธิของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อ 20 คนก็สามารถเสนอกฎหมายได้ ส่วนเสนอแล้วสภาฯจะมีการพิจารณาอย่างไรเป็นไปตามระบบเสียงข้างมาก สอดรับกับนโยบายรัฐบาลหรือไม่ เพราะเสียงข้างมากเป็นเสียงของรัฐบาล ถ้าสอดรับกับนโยบายรัฐบาล ส่วนใหญ่กฎหมายก็จะถูกขับเคลื่อน เป็นไปตามกลไกของสภาฯเมื่อผ่านสภาผู้แทนราษฎรก็จะไปสู่การพิจารณาของวุฒิสภา
“พรรคภูมิใจไทยในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล สามานรถให่สมาชิกเสนอกฎหมาย เพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำก็จะเข้าไปดูความจำเป็นในการต้องมีกฎหมายออกมารองรับ กำกับ ควบคุมในการใช้กัญชา โดยใช้อย่างไรยึดนโยบายรัฐบาลเป็นหลัก คือ ใช้เพื่อการแพทย์และสุขภาพ ส่วนอื่นๆนอกจากนี้ถือว่านอกเหนือจากนโยบาย การเอาไปใช้ในทางสันทนาการหรือประเภทอื่นๆ ถือว่าไม่ชอบด้วยนโยบายก็ต้องมีกฎหมายมารองรับว่าไม่ชอบอย่างไร ต้องกำหนดไว้ในกฎหมาย”นพ.ชลน่านกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการร่างพ.ร.บ.กัญชากัญชง เสนอด้วยหรือไม่ หรือจะเสนอเป็นร่างของรัฐบาล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จะต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้ง หากเป็นไปได้ก็จะเสนอในนามร่างของคณะรัฐมนตรี(ครม.)จะเป็นความร่วมไม้ร่วมมือในเชิงนโยบายที่ได้มีการหารือกันจบแล้ว
ถามว่าจะมีการยืนยันร่างเดิมที่เคยตกไปหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คงไม่เป็นการยืนยัน แต่จะนำร่างเดิมมาพิจารณาว่าส่วนไหนดีและส่วนไหนที่จะเติมเต็ม โดยไม่ได้เขียนใหม่ทั้งหมด แต่นำร่างเดิมมาปรับมาแก้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในร่างพ.ร.บ.ใหม่จะมีการเพิ่มเรื่อง การห้ามใช้เชิงสันทนาการเข้าไปหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องมี ว่าวิธีการใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ ใช้อย่างไร มีกระบวนการควบคุมกำกับอย่างไร ถ้าใช้ประเภทอื่นถือว่าผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมาย มีข้อห้ามอย่างไร ชนิดประเภทต่างๆ รวมทั้ง การกำหนดว่ากัญชาจะเป็นยาเสพติดได้เมื่อไหร่ อาจจะไปดูในรายละเอียด
หมายความว่าประมวลกฎหมายยาเสพติดนำชื่อกัญชาออกจากยาเสพติดประเภท 5 แต่ไม่ได้บอกว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่บอกว่าถ้าจะกำหนดให้เป็นยาเสพติดให้ไประบุในประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ฉะนั้นในความหมายกัญชามีสารเสพติดอยู่ เช่น บุหรี่ยังเป็นสิ่งเสพติด แต่กฎหมายให้เป็นยาเสพติดหรือไม่ ต้องไปเขียนในประกาศสธ.
“ขณะนี้ระบุเพียงสารสกัดที่มีค่าTHCเกิน 0.2 % เป็นยาเสพติด นอกนั้นไม่เป็น ทำให้มีการนำไปใช้ในลักษณะของผิดประเภท เช่น เอาช่อดอกไปเสพ ไปพี้ เกิดการใช้ที่ทำให้มีผลต่อจิตและประสาท ถือเป็นการใช้ที่ไม่ถูกต้อง ก็จะมาพิจารณาว่าจะมีการปรับอย่างไร”นพ.ชลน่านกล่าว
ถามว่าแสดงว่าจะมีการเพิ่มเติมในประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่จะกำหนดบางส่วนของกัญชาเป็นยาเสพติดเพิ่มเติม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กำลังพิจารณากันอยู่ว่าส่วนไหนเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม
ถามต่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะนำกลับไปเป็นยาเสพติดทั้งหมดหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่น่าจะกลับไปเป็นยาเสพติดทั้งหมด เพราะส่วนหนึ่งกัญชาเพื่อสุขภาพ ถ้ายึดแบบเดิมจะแข็งเกินไป เช่น เดิมมีกัญชา 1 ต้นในบ้านก็ถูกจับแล้ว จึงต้องออกกฎหมายในลักษณะที่ทุกฝ่ายไม่เสียประโยชน์และไม่เป็นโทษกับเพื่อนมนุษย์ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์จากการใช้กัญชาเพื่อสุขภาพและเพื่อการแพทย์ เช่น อาหารที่ผสมซีบีดี เป็นการทำเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ถ้าออกกฎหมายเข้มเกินไปแล้วไม่ดูบริบทของการนำไปใช้ ก็จะเกิดผลกระทบ ยึดแบบwin win เป็นหลัก
“มีความเป็นไปได้ที่จะกำหนดบางส่วนของกัญชาเป็นยาเสพติดมากกว่าสารสกัดTHCเกิน 0.2 % แต่กำลังจะพิจารณาให้รอบคอบว่าจะเป็นส่วนไหน ได้ประโยชน์สูงสุดหรือไม่ และกระทบมิติผลิตภัณฑ์สุขภาพหรือไม่”นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีริเริ่มการปลูกกัญชาเพื่อนำไปใช้ในมิติอื่นๆเพื่อการพาณิชย์เยอะมาก ซึ่งเพื่อการพาณิชย์ที่ไม่เกี่ยวกับสุขภาพถือว่านอกเหนือ ถ้าเป็นเพื่อสันทนการหรืออื่นไม่ได้ จะเป็นการออกพ.ร.บ.มาควบคุมเพื่อปิดช่องว่างที่มีอยู่ ซึ่งที่สมาชิกสภาฯอภิปรายไว้และไม่ยอมให้ร่างเดิมผ่าน เพราะมีช่องว่าง ถ้าปล่อยออกไปก็จะเหมือนเป็นการส่งเสริม มีการปลูกมากขึ้น ปลูก 15 ต้น การเข้าถึงมากขึ้น ก็จะมีการใช้อย่างแพร่หลาย
ถามว่าจะขัดกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ขัดและภูมิใจไทยสนับสนุน เพราะบอกว่านโยบายของภูมิใจไทยไม่เคยสนับสนุนให้มีการใช้แบบสันทนาการ