6 เดือนรัฐบาล นโยบายสธ. "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" โดดเด่น เรื่องเดียว

นับตั้งแต่ที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ผ่านมาแล้ว 6 เดือนเต็ม ในส่วนของการเดินหน้าทำตามนโยบาย สำหรับกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ผลงานนโยบายสธ.ที่ประชาชนรับรู้และเข้าถึงเป็นวงกว้าง  มีเพียงเรื่อง “30บาท บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่”

ซึ่งมีการนำร่อง 4 จังหวัดเมื่อต้นปี  2567 และขยับสู่ระยะที่ 2 อีก 8 จังหวัดช่วงเดือนมี.ค.2567 สามารถดำเนินการได้ตามระยะเวลาที่กำหนด 
มิหนำซ้ำ ยังสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการสิทธิ 30บาทเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เกิดภาพของการ "ไหลเข้ารักษาในรพ.ใหญ่จำนวนมาก"อย่างที่มีข้อกังวล อัตรารักษาข้ามเขตราว 6 % ถือว่ายังอยู่ในระดับที่รับได้  และไม่ได้เพิ่มภาระให้กับบุคลากรมากขึ้น  

ส่วนนโยบายอื่นๆนั้น จัดว่าอยู่ในแบบ “ไปเรื่อยๆ” ไม่ได้โดดเด่นแต่ก็เช่นว่าจะนิ่งสงบเสียทีเดียว 

ขณะที่เจ้ากระทรวงอย่าง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ในฐานะรมว.สาธารณสุข ก็เจอเรื่องที่ขับเคลื่อนแล้ว ได้รับแรงกระแทกจากสังคมพอสมควร จนเกือบสะดุดขาตัวเอง คือ “ยาบ้า 5 เม็ด” แม้ว่าจะมีเจตนาเพื่อให้คน”สมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษายาเสพติด”ก็ตาม

ถามว่าการดำเนินงานเรื่องบำบัดยาเสพติด ทำให้ได้ฉายาว่ารัฐมนตรียาบ้า 5 เม็ด

“ไม่เป็นไร แต่ขอให้เติมว่า ยาบ้า 5 เม็ดเพื่อให้คนเข้าสู่การบำบัดรักษา”นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าว 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า นายกรัฐมนนตรีทุ่มเททำงาน เสียสละมาก แทบไม่มีวันหยุด เอาจริงเอาจังสูงมาก ต้องเรียนแบบนายกฯ ยิ่งนายกฯขยันเท่าไหร่ รัฐมนตรีทุกกระทรวง ก็ต้องขยันมากเท่านั้น ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  แต่ในระบบงานของราชการต้องเป็นไปตามแบบแผน มีกฎหมาย มีระเบียบรองรับ บางครั้งต้องดูเรื่องระบบเหล่านี้ด้วย 

ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีความชัดเจนเรื่องนโยบาย ต้องทำตามนโยบาย รัฐมนตรีต้องกำกับ บริหารนโยบาย ส่วนการรับนโยบายสู่การปฏิบัติเป็นหน้าที่ของฝ่ายข้าราชการประจำ

“งานเรื่องยกระดับ 30 บาท เป็นงานหลัก งานใหญ่ จังหวะก้าว ก็ก้าวย่างไปด้วยความมั่นคงตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ เหลือแต่ระบบงบประมาณที่จะมาเสริม”นพ.ชลน่านกล่าว

6 เดือนรัฐบาล นโยบายสธ.ที่พอใจ

6 เดือนที่ผ่านมามองว่านโยบายที่ขับเคลื่อนมีความคืบหน้ามากที่สุด นพ.ชลน่าน กล่าวว่า  13 นโยบายที่แบ่งเป็นกลุ่มแก้ปัญหาหลายเรื่องเสร็จภายใน 100 วันตามเป้าหมายเฉพาะ เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 1 ล้านโดส สามารถทำได้ครบภายใน 100 วัน  แต่การป้องกัน ดูแลเรื่องมะเร็งปากมดลูกต้องทำต่อเนื่องระยะยาว

 ส่วนที่เหลือมีการขยับต่อเรื่อยๆ  อย่างเรื่องสุขภาพจิตเรื่องยาเสพติด แม้ว่าจะค่อนข้างเป็นดราม่า แต่หลักของการนำสู่ปฏิบัติค่อนข้างชัดเจนมาก ในเรื่องการบำบัด รักษา ฟื้นฟู และส่งเสริมป้องกันด้วย โดยการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการสังกัดสธ.ป็นหน่วยบำบัดยาเสพติดนั้นมั่นใจว่ามีความพร้อมและขยับต่อชุมชนบำบัด

“6เดือนที่ผ่านมา ในช่วง 100 วันแรกภาพชัดเจน สามารถขยับไปพูดเรื่องเป้าหมาย midyear ได้  โดยสามาถนำ 13 นโยบายมาบอกสาธารณชนได้ว่าเหล่านี้คือสิ่งที่ได้ดำนินการตามนโยบายรัฐบาล นโยบายนายกฯ”นพ.ชลน่านกล่าว

นโยบายสธ.ที่ต้องเร่งสปีด

ถามว่ามีนโยบายเรื่องใดที่ต้องเร่งสปีดมากกว่าเรืองอื่น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องเชิงระบบ เช่น งานปฐมภูมิ เรื่องของเมดิคัลฮับ เรี่องเวลเนส เรื่องการประเมินแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย เพราะเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยกลไกหลายภาคส่วน ซึ่งเวลเนสมีเป้าหมายที่จะมีเวลเนสเซ็นเตอร์ที่เป็นคอมมูนิตี้ 500 แห่งทั่วประเทศ ตั้งเป้าจะมีเฮสตี้ซิตี้อย่างน้อย 1 พื้นที่ใน 1 เขตสุขภาพ มีอำเภอสุขภาพดีทุกอำเภอ เป็นต้น 

เป้าหมายMidyearนโยบายสธ.

13 นโยบายสธ.ที่มีการกำหนดโรดแมปในไตรมาส2 ช่วงม.ค. – มี.ค.2567 หรือ Midyear  แบ่งเป็น 4 ส่วน 

ส่วนที่ 1 โครงการพระราชดำริฯ เฉลิมพระเกียรติ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระบรมวงศานุวงศ์ เช่น ปรับปรุงระบบบริการตามมาตรฐานของราชทัณฑ์ปันสุข 80% เพิ่มโรงพยาบาลอัจฉริยะต้นแบบระดับทอง 20 แห่ง มีอำเภอสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค 70 อำเภอ ,คิกออฟโครงการเฉลิมพระเกียรติ พาหมอไปหาประชาชน 4 ภาค ในเดือนมกราคมนี้

ส่วนที่ 2 การแก้ปัญหา  มีนโยบาย รพ.กทม. 50 เขต 50 รพ.และปริมณฑล เปิด รพ.นพรัตนราชธานี คุ้มเกล้า เขตมีนบุรี และลงนามความร่วมมือระหว่างสธ. กับกองทัพอากาศ ,สุขภาพจิต/ยาเสพติด ตั้งเป้า 40% ของมินิธัญญารักษ์ มีอัตราครองเตียงอย่างน้อย 30% หอผู้ป่วยจิตเวช/ยาเสพติดในรพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไปคุณภาพ 30% และกลุ่มงานจิตเวช/ยาเสพติดในรพ.ชุมชน 90%
นโยบายมะเร็งครบวงจร คัดกรองไวรัสตับอักเสบบี/ซี 2 แสนราย คัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วย Fit Test 475,000 ราย และส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ 38,000 ราย และสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากร เร่งรัดตรวจสอบและประเมินผลงานตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษให้ครบเป้าหมาย 10,124 ตำแหน่ง รวมทั้งการใช้ตำแหน่งว่างบรรจุพยาบาลวิชาชีพให้ครบ 3,318 ตำแหน่ง

3.วางรากฐาน  นโยบายการแพทย์ปฐมภูมิ พัฒนาระบบข้อมูลบริการสุขภาพด้วยเทคโนโลยี เพื่อการบริการอย่างไร้รอยต่อ ,สาธารณสุขชายแดนและพื้นที่เฉพาะ เปิดศูนย์การเรียนรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุขชายแดน ณ รพ.แม่สอด จ.ตาก, บุคคลผู้มีปัญหาสถานะได้รับการขึ้นทะเบียนประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น 0.2% ,สถานชีวาภิบาล ผ่านเกณฑ์มาตรฐานเขตสุขภาพละ 2 แห่ง และจัดตั้ง Hospital at Home / Home Ward ในแต่ละเขตสุขภาพมากกว่า 75% ,พัฒนารพ.ชุมชนแม่ข่าย ระดับ A มีบริการ CT Scan ครบทั้ง 17 แห่ง

4. สร้างเศรษฐกิจ นโยบายดิจิทัลสุขภาพ รพ.สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขใน 8 จังหวัดนำร่อง และ 4 เขตสุขภาพ เชื่อมและส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยอิเล็กทรอนิกส์ได้ 100%  ,ส่งเสริมการมีบุตร ผลักดันให้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เป็นวาระแห่งชาติ โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 75% มีบริการการฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI) มีผู้ได้รับบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก 2,700 คน 
นโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ คัดเลือกชุมชนเป้าหมาย Healthy City MODELs จังหวัดละ 1 ชุมชน ให้การรับรอง Wellness Center 300 แห่ง และมี Care Giver 2,500 คน / Care Assistance 500 คน นวดไทย 2,500 คน  และนักท่องเที่ยวปลอดภัย อำเภอนำร่อง 30% เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดพิษสุนัขบ้า และศูนย์บริการชาวต่างชาติในสถานบริการสุขภาพ ใน 31 จังหวัดนำร่อง และเปิดกิจกรรม Safety Phuket Island Sandbox ในเดือนก.พ.นี้