ข้อสรุป 'สปสช.-รพ.โรงเรียนแพทย์' รองรับ '30 บาทรักษาทุกที่'
บอร์ดสปสช. รับทราบความคืบหน้า สปสช.ร่วมเครือข่ายรพ.โรงเรียนแพทย์(UhosNet) หาจุดร่วมดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ตอบรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่
จากการดำเนินการตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ โดยโรงพยาบาลที่อยู่ในกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ UhosNet เป็นหน่วยร่วมให้บริการในระบบฯ กับประชาชนผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท)
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการดำเนินการตามนโยบายร่วมกัน และกำหนดแนวทางการดำเนินการเป็นที่ยอมรับในการร่วมดูแลประชาชนในการใช้สิทธิบัตรทอง ดังนั้น สปสช. จึงได้มีการหารือร่วมกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นประธาน ได้รับทราบ “ความก้าวหน้าการดำเนินงานร่วมกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย” (UhosNet)
การหารือที่ผ่านมาได้มีผลสรุป ดังนี้ กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ยินดีให้ความร่วมมือกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ โดยกรณีการรับส่งต่อผู้ป่วยนอก (OP refer) โรงพยาบาลในกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทยขอรับการจ่ายในรูปแบบเดิม คือ การเบิกจ่ายตามรายการที่กำหนด (Fee Schedule) โดยไม่สามารถรับการจ่ายแบบมีเพดาน หรือเหมาจ่าย (Capitation/Visit) ได้
ส่วนบริการผู้ป่วยนอกกรณีเหตุสมควร (OPAE) ทางกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ระบุอยากให้ สปสช. ทำการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ชัดเจน พร้อมการกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่า การเข้ารับบริการกรณีใดที่ถือเป็นกรณีที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ หรือมีเหตุผลสมควรที่สามารถใช้สิทธิผู้ป่วยนอกกรณีเหตุสมควรนี้ได้
ส่วนของบริการผู้ป่วยนอกทั่วไป ในส่วนของงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวสำหรับบริการปฐมภูมิ กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทยขอให้ สปสช. ดำเนินการจ่ายด้วยระบบการจัดสรรแบบเดิม ไม่ควรปรับลดเงินเหมาจ่ายกับหน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาลในเครือข่ายกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย
“ในการหารือทางสำนักงานฯ ได้เสนอให้มีการวิเคราะห์ต้นทุนการให้บริการของโรงพยาบาลอย่างเป็นระบบมากขึ้น อาจใช้แนวทางที่ประเทศเยอรมันมาดำเนินการ โดย สปสช. ยินดีให้การสนับสนุนการดำเนินการร่วมกัน เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนมากขึ้น โดยประเด็นนี้ทาง สปสช. จะมีการพูดคุยกับโรงพยาบาลต่างๆ เพิ่มเติมต่อไป”นพ.จเด็จกล่าว