กฎหมายรับรองอัตลักษณ์ด้านเพศสภาพของอาร์เจนตินา
หัวข้อพิเศษช่วง “Pride Month” วันนี้จะพาไปดูประเทศอาร์เจนตินาที่มีกฎหมายลำดับที่ 26.743 รับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพฉบับแรกของโลก ที่มิได้วางอยู่บนฐานการบำบัดรักษาทางการแพทย์
กฎหมายลำดับที่ 26.743 ว่าด้วยอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ (Ley n° 26.743 de Identidad de Género) (กฎหมาย Ley n° 26.743) ได้รับการตราเมื่อ ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) การออกกฎหมายดังกล่าวมีความน่าสนใจทั้งด้านที่มาและเนื้อหา
เนื่องจาก Ley n° 26.743 เป็นกฎหมายรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพฉบับแรกของโลก ที่มิได้วางอยู่บนฐานการบำบัดรักษาทางการแพทย์ หรือกระบวนการพิสูจน์ความจริงแท้ หรือความมั่นคงแน่นอนของอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ แต่อยู่บนฐาน “การยืนยันตนเอง (Self-declaration)”
ผู้ประสงค์ได้รับการรับรองเพศเพียงต้องผ่านกระบวนการทางธุรการบางประการเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนเพศข้างต้นยังคงอยู่ในระบบสองเพศ (Sex/Gender Binary) คือ การเปลี่ยนจากชายหรือหญิงเป็นเพศตรงข้าม
แต่ รัฐกำหนด 476/2021 (Decreto 476/2021; Decree 476/2021) ที่ใช้บังคับใน ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ก็ได้เพิ่มเพศนอกระบบสองเพศ หรือ “นอนไบนารี (Non-binary)” ไปในระบบอัตลักษณ์ทางเพศสภาพของบุคคลในทางกฎหมายของประเทศอาร์เจนตินาด้วย
เดิมระบบกฎหมายของประเทศอาร์เจนตินาอยู่ในระบบสองเพศอย่างเคร่งครัด เพศชายหญิงถูกทำให้เป็นธรรมชาติและผลักภาวะนอกระบบสองเพศออกจากความเป็นธรรมชาติและผูกโยงเข้ากับความเป็นโรค
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น บุคคลจะได้รับบริการทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับภาวะข้ามเพศ (การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเกี่ยวกับเพศ ฯลฯ) จะต้องอยู่ภายใต้การดำเนินการทางการแพทย์ และได้รับอนุญาตจากศาล การแสดงออกทางภาวะข้ามเพศและเพศวิถีแบบรักเพศเดียวกัน บางการกระทำถูกห้ามในทางกฎหมายตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ 1930 เป็นต้น
การต่อสู้ทางการเมืองเพื่อสิทธิด้านเพศสภาพในอาร์เจนตินาเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1990 โดยมีความเข้มข้นในทศวรรษถัดมา ทั้งนี้ กระบวนการเคลื่อนไหวที่นำไปสู่การตรากฎหมาย Ley n° 26.743 ท่ามกลางภาวะทางการเมืองที่เปิดกว้างด้านสิทธิเสรีภาพ มีภาคีเครือข่ายสำคัญ 2 กลุ่ม คือ
1.Federación Argentina LGBT (FALGBT) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง มีประสบการณ์และเครือข่ายในการทำงานเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันกฎหมาย และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการจัดทำกฎหมาย
2. Frente Nacional por la Ley de Identidad de Género (Frente หรือ FNXLIG) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความคิดสุดขั้ว (Radical) กว่า และมีส่วนสำคัญที่ทำให้เนื้อหาของ กฎหมาย Ley n° 26.743 มีลักษณะดังเช่นที่ตราออกมาใน ค.ศ. 2012
กฎหมาย Ley n° 26.743 ประกอบด้วยบทบัญญัติ 15 มาตรา มีเนื้อหาไล่เรียงตั้งแต่การวางรากฐานเกี่ยวกับสิทธิในอัตลักษณ์ทางเพศสภาพของบุคคล ไปจนถึงเงื่อนไขการรับรองเพศสภาพและเรื่องเชิงกระบวนการ
ส่วนต้นของ กฎหมาย Ley n° 26.743 วางรากฐานของสิทธิในอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ โดยประกอบด้วย สิทธิที่จะได้รับการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ (Right to Recognition of Gender Identity) สิทธิในการพัฒนาของบุคคลอย่างอิสระและสอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศสภาพของตนเอง (Right to Free Development of Person According to Their Gender Identity)
และสิทธิในการได้รับการปฏิบัติอย่างสอดคล้องกับเพศสภาพของตนเอง (Right to Treatment According to Their Gender Identity) โดยเน้นย้ำไปที่กรณีเอกสารสำหรับยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศสภาพโดยเฉพาะในเรื่องชื่อ ภาพ และเพศที่ถูกบันทึกไว้
นอกจากนี้กำหนดคำจำกัดความของอัตลักษณ์ทางเพศสภาพไว้ ดังนี้
อัตลักษณ์ทางเพศสภาพสามารถเข้าใจได้ว่าคือ กระบวนการในระดับภายในและปัจเจกที่เพศสภาพ ได้รับการรับรู้โดยบุคคล โดยอาจสอดคล้องกับเพศที่ได้รับการกำหนดตอนเกิดหรือไม่ก็ได้ และรวมถึงประสบการณ์ส่วนบุคคลของร่างกายด้วย
ทั้งนี้ โดยอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอกหรือระบบทางกายภาพ ผ่านวิธีการด้านเภสัชวิทยา การศัลยกรรม หรืออื่น ๆ ตราบใดที่อยู่ภายใต้การเลือกอย่างอิสระ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการแสดงออกอื่น ๆ ในทางเพศสภาพ เช่น การแต่งกาย วิธีการพูด และการแสดงท่าทาง
บุคคลที่ประสงค์จะได้รับการรับรองเพศสภาพ ซึ่งได้แก่ การเปลี่ยนเพศ ชื่อ และภาพที่ถูกบันทึกไว้ ไม่จำเป็นต้องดำเนินการทางการแพทย์หรือทางจิตวิทยาใด ๆ ไม่ว่าจะเป็น การศัลยกรรมแปลงเพศทั้งหมดหรือบางส่วน การรักษาด้วยการรับฮอร์โมน เป็นต้น
ผู้ร้องจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ต้องยื่นคำร้องต่อหน่วยงานของสำนักงานแห่งชาติว่าด้วยสถิติชีพ (el Registro Nacional de las Personas) ว่าจะให้มีการเปลี่ยนเพศของตนในสูติบัตร และการออกบัตรประชาชนใหม่โดยใช้เลขประจำตัวประชาชนเดิม รวมถึงให้ข้อมูลในเรื่องชื่อต้นที่จะใช้ใหม่ด้วย
นอกจากนี้ บุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็มีสิทธิยื่นคำร้องดังกล่าวได้ แต่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับวิธีการเพิ่มเติมตามที่กฎหมายฉบับนี้และกฎหมายว่าด้วยเด็กและเยาวชนที่เกี่ยวข้องกำหนด (เช่น การต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม)
ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานฯ ได้รับคำร้อง สำนักงานฯ มีหน้าที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการด้านสูติบัตรและบัตรประชาชนต่อไป โดยผู้ร้องไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติการใดเพิ่มเติม
เนื้อหาอื่นนอกเหนือจากอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ ยกตัวอย่างเช่น สิทธิในการพัฒนาบุคคลอย่างอิสระ (Right to Free Personal Development) ซึ่งในกฎหมายนี้หมายถึงการดำเนินการบางประการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนเพศโดยอยู่ภายใต้ระบบสาธารณสุขเช่นเดียวกับการรับบริการทางแพทย์อื่น ๆ เช่น การรับฮอร์โมน การศัลยกรรมแปลงเพศ
เงื่อนไขมีเพียงการต้องปรากฏความยินยอมอย่างชัดแจ้งของผู้ประสงค์ดำเนินการเหล่านี้เท่านั้น การได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรี (Dignified Treatment) โดยเป็นการวางหลักการเพื่อเน้นย้ำการได้รับการปฏิบัติโดยเคารพอัตลักษณ์ของบุคคลที่ได้รับการรับรองเพศสภาพ เป็นต้น
รัฐกำหนด 476/2021 ประกอบด้วยบทบัญญัติ 12 มาตรา มีเนื้อหาเพิ่มเพศสภาพนอกจากชายหญิงไปในระบบอัตลักษณ์ทางเพศสภาพทางกฎหมาย ดังนั้น ภายใต้กฎหมาย Ley n° 26.743 บุคคลจึงมีสิทธิที่จะขอเปลี่ยนเพศในเอกสาร (เช่น สูติบัตร บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง) และได้รับการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพเป็นเพศนอกระบบสองเพศได้
ผลของรัฐกำหนด 476/2021 ยังครอบคลุมถึงกรณีบุคคล ที่เคยใช้สิทธิการรับรองเพศสภาพเป็นเพศตรงข้าม ก่อนที่รัฐกำหนด 476/2021 จะมีผลใช้บังคับด้วย โดยไม่ถือว่าเป็นการขอเปลี่ยนเพศซ้ำอีกครั้ง ซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้การพิจารณาของศาล
เพศสภาพนอกระบบสองเพศนี้ใช้ตัวอักษรย่อว่า “X” และใช้สัญลักษณ์แทนว่า “<” ในเอกสารที่ต้องมีการระบุตัวอักษรหรือสัญลักษณ์นั้นๆ ทั้งนี้ เพศนอกระบบสองเพศตามกฎหมายนี้ได้รับการให้คำจำกัดความอย่างกว้างโดยรวมถึง ยกตัวอย่างเช่น Non-binary การไม่ระบุ การไม่บันทึก การรู้สึกว่าตนเองไม่เข้าใจการแบ่งความเป็นชายและความเป็นหญิง เป็นต้น