สอนเด็กแบบไหน ยุคเทคโนโลยีป่วนโลก
ท่ามกลางบรรยากาศความสุขในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” ที่ปีนี้นอกจากจะมีคำขวัญของนายกฯ แล้ว ยังมีของผู้ว่าฯ กทม. อีกด้วย แต่ผู้ใหญ่ก็ต้องไม่ลืมว่าขณะนี้โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปเพราะ “เทคโนโลยี” ดังนั้นก็ต้องตั้งโจทย์ว่าจะสอนเด็กให้เอาตัวรอดต่อไปในอนาคตได้อย่างไร
วันนี้ (12 ม.ค.) เด็กๆ มีความสุขเป็นพิเศษ โรงเรียนส่วนใหญ่จัดงานวันเด็กล่วงหน้า จากนั้นวันพรุ่งนี้ (13 ม.ค.) หรือวันเสาร์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราฯ จะสนุกมากยิ่งขึ้นเพราะเป็นวันเด็กแห่งชาติ คุณพ่อคุณแม่พาน้องๆ หนูๆ ไปเที่ยวงานวันเด็กที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนพร้อมใจกันจัดขึ้น เป็นเวทีให้เด็กไทยได้แสดงความรู้ความสามารถหรือแสวงหาความสนุกอย่างเต็มที่แม้เพียงหนึ่งวันเมื่อเทียบกับภารกิจการเรียนที่หนักหน่วงตลอดทั้งปี แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีวันให้เด็กได้ปลดปล่อยเอาเสียเลย
สิ่งที่มาควบคู่กันคือคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรี ปีนี้พิเศษอีกนิดตรงที่คำขวัญวันเด็กของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ด้วย ทั้งสองคนเป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง จึงน่าสนใจว่า ทัศนคติต่อเด็กของพวกเขาเป็นอย่างไร คำขวัญนายกฯ ระบุ “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” นายกฯ เศรษฐาอธิบายว่า รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนให้เด็กไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีโลกทัศน์กว้างและ enjoy กับการใช้ชีวิตในวัยเด็ก
ส่วนของผู้ว่าฯ กทม. “เปลี่ยนนิสัยเดิม_ เริ่มนิสัยใหม่_ ชีวิตออกแบบได้ สู่เป้าหมายที่เป็นของเรา” ซึ่งช่องว่างที่เว้นไว้นั้นเพื่อให้เด็กมีการออกแบบคำขวัญได้เอง เนื่องจากเชื่อว่านิสัยที่ดีจะทำให้เรามีอนาคตตามที่ต้องการได้ และหัวใจของนิสัยจะต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก จึงได้เน้นในเรื่องนิสัย แต่ไม่ได้บอกว่าจะต้องเป็นอะไร อยากให้เขาได้ฝึกคิดเองด้วย เพราะทุกคนมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน อ่านคำขวัญจากผู้นำทั้งสองท่านแล้วเชื่อมั่นว่า ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญกับเด็ก การปลูกฝังสิ่งดีๆ ควรเริ่มต้นตั้งแต่วัยเยาว์ ทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด
แต่ก็มีรายงานข่าวที่อดเป็นห่วงไม่ได้ รายงานการจ้างงานและแนวโน้มสังคมโลกปี 2567 ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) คาดว่าในปี 2567 จะมีแรงงานที่ต้องการงานเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านคนส่งผลให้อัตราการว่างงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 5.1% ในปี2566 เป็น 5.2% และอีกหนึ่งเทรนด์ที่ต้องติดตาม เมื่อก่อนเราคิดกันว่า คนที่ทำงานด้านเทคโนโลยีโอกาสตกงานคงยากแต่กลายเป็นว่า กระแสเลย์ออฟยังไม่จบ 2 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ‘กูเกิล-อเมซอน’ ประกาศเลิกจ้างอีกหลายร้อยคน กูเกิลเน้นปลดในส่วนฮาร์ดแวร์-บริการดิจิทัล หลังถูกเอไอดิสรัปต์ ขณะที่อเมซอนเน้นส่วนไพรม์วีดิโอ และ MGM การเลิกจ้างในบริษัทเทคเป็นกระแสต่อเนื่องมาจากปีก่อน
อ่านข่าวนี้เห็นทีต้องสะดุ้ง เมื่อบริษัทเทคโนโลยีที่ว่าแน่ๆ ยังต้องถูกเอไอมาสร้างความปั่นป่วน ในโอกาสวันเด็กเป็นเวลาที่ผู้ใหญ่โดยเฉพาะรัฐบาลต้องทบทวนนโยบายการศึกษาให้เด็กไทยของเรา สอนเด็กแบบไหนให้อยู่รอดในสังคมที่เทคโนโลยีล้ำหน้าแต่ผู้คนสมาธิสั้น วิชาการแบบไหนที่ทำให้เด็กเลี้ยงตัวเองได้ในสังคมที่เปลี่ยนไป แล้ววิชาการอย่างเดียวจะพอหรือไม่ถ้าไม่ได้กล่อมเกลาหัวจิตหัวใจหรือกระตุ้นให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ ขอฝากไว้เป็นโจทย์ระดับชาติเนื่องในวันเด็กแห่งชาติก็แล้วกัน