วาระสุขภาพ ในโลกเดือด | ธราธร รัตนนฤมิตศร
ฤดูร้อนปีนี้ร้อนเป็นพิเศษ อากาศที่ร้อนจัดได้ส่งผลต่อสุขภาพของคนเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งยังเพิ่มต้นทุนในการครองชีพจากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องปรับอากาศในหลายครัวเรือน
มีการคาดการณ์จากหลายสำนักว่า ฤดูร้อนของประเทศไทยในอนาคตจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นกว่านี้ไปอีก อันเป็นผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อสุขภาพที่ใกล้ตัวขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านคนในอนาคตอันใกล้ โดยภัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่จะส่งผลต่อสุขภาพมาจาก 3 ภัยพิบัติที่สำคัญ ได้แก่
1.น้ำท่วม คาดว่าจะเป็นภัยพิบัติที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศที่ร้ายแรงที่สุด อุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นและการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนสูงขึ้นและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงน้ำท่วมรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณชายฝั่งและเส้นศูนย์สูตร
รายงานจาก WEF คาดว่าภัยน้ำท่วมอาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 8.5 ล้านคนภายในปี 2593 ผลกระทบมีตั้งแต่การบาดเจ็บทางร่างกายทันที ไปจนถึงปัญหาสุขภาพในระยะยาว เช่น โรคที่เกิดจากน้ำและแมลงเป็นพาหะ ผลที่ตามมาของน้ำท่วมอาจนำไปสู่วิกฤติสุขภาพจิตอย่างรุนแรง เนื่องจากชุมชนต้องรับมือกับการสูญเสียบ้านและวิถีชีวิต
2.ภัยแล้ง เป็นภัยที่ร้ายแรงเป็นอันดับสองของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในอดีตมักเกิดขึ้นกับพื้นที่เขตแห้งแล้ง แต่ปัจจุบันภัยแล้งกำลังส่งผลกระทบต่อเขตอบอุ่นมากขึ้น เนื่องจากมีฝนตกในปริมาณต่ำเป็นเวลานาน ภัยแล้งส่งผลให้ปริมาณและคุณภาพน้ำลดลง ผลผลิตทางการเกษตรลดลง และความชุกของฝุ่นเพิ่มขึ้น
นำไปสู่การเจ็บป่วยทางเดินหายใจ ความไม่มั่นคงทางอาหาร และโรคติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลต้องต่อสู้กับความเครียดทางเศรษฐกิจและอันตรายต่อสุขภาพ
3.คลื่นความร้อน แม้ว่าคลื่นความร้อนจะเป็นอันตรายถึงชีวิตโดยตรงน้อยกว่าในแง่ของการเสียชีวิตของมนุษย์ แต่ก็สร้างภาระทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด อุณหภูมิที่สูงมากบ่อนทำลายความสามารถของร่างกายของมนุษย์ในการควบคุมความร้อนนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรง
เช่น ความเหนื่อยล้าจากความร้อน แต่ในกรณีที่รุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประชาชนที่ยากจน ซึ่งต้องทนกับความร้อนเนื่องจากขาดการเข้าถึงอุปกรณ์ทำความเย็น
ภาระทางเศรษฐกิจและการดูแลสุขภาพโดยรวมของภัยพิบัติเหล่านี้ รวมของโลกมีมูลค่าที่สูงอย่างน่าตกใจ รายงานของ WEF คาดว่าประสิทธิภาพการผลิตทางเศรษฐกิจจะสูญเสียสะสมถึง 12.5 ล้านล้านดอลลาร์ และค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลเพิ่มอีก 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2593
สะท้อนให้เห็นทั้งต้นทุนโดยตรงในการรักษาปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ และต้นทุนทางอ้อมจากการสูญเสียผลผลิต และอันตรายจากการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วน เกษตรกรรมและการก่อสร้างซึ่งต้องเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้วมากที่สุด
ในด้านของคนทำงานนั้น แรงงานทั่วโลกนับวันก็กำลังมีความเสี่ยงมากขึ้นต่ออันตรายต่อสุขภาพอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นกัน องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เปิดเผยว่า 70% ของคนงานทั่วโลกซึ่งเท่ากับประมาณ 2.4 พันล้านคน มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสี่ยงด้านสุขภาพที่สำคัญจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความเสี่ยงเหล่านี้รวมถึงการสัมผัสกับความร้อนจัด รังสีอัลตราไวโอเลต มลพิษทางอากาศ และอันตรายทางเคมี ซึ่งทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อสุขภาพที่ร้ายแรง ตั้งแต่มะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ ไปจนถึงความผิดปกติของไตและการบาดเจ็บทางร่างกาย
ข้อกังวลสำคัญคือ อันตรายจากความร้อนจัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อ 70% ของพนักงานทั่วโลกจำนวน 3.4 พันล้านคน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากการทำงาน 18,970 คนต่อปี และบาดเจ็บจากการทำงานประมาณ 23 ล้านคน
นอกจากนี้ แรงงานประมาณ 1.6 พันล้านคนต้องเผชิญกับรังสี UV ที่เป็นอันตราย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งผิวหนังจากการทำงานมากกว่า 18,960 รายในแต่ละปี ส่วนคนงานอีก 1.6 พันล้านคนต้องเผชิญกับอากาศเสียในที่ทำงาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากการทำงานถึง 860,000 คนต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นคนงานกลางแจ้ง
สถิติเหล่านี้เปิดเผยถึงผลกระทบร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีรายได้น้อยและประชากรกลุ่มเปราะบาง
ดังนั้น นอกเหนือจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว
การเพิ่มความตระหนักรู้ถึงอันตรายต่อสุขภาพและการใช้แนวทางปฏิบัติใหม่ในสถานที่ทำงาน เพื่อรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องสุขภาพของคนงาน
การจัดการกับผลกระทบด้านสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจำเป็นต้องมีระบบการดูแลสุขภาพที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น ที่สามารถคาดการณ์ ป้องกันและตอบสนองต่อวิกฤติด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศได้
ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสุขภาพนั้น มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นในอนาคตและมีหลากหลายแง่มุม ซึ่งเป็นวาระที่ต้องทำงานร่วมกันของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน
วาระทางนโยบายในอนาคตจึงต้องปรับเปลี่ยนเป็นนโยบายเชิงวาระ (Agenda-based Policy) และเชิงพื้นที่ (Area-based Policy) เพิ่มมากขึ้น เพื่อจัดการกับปัญหาและความท้าทายจำนวนมากที่มีลักษณะข้ามพรมแดนหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.