PM 2.5 เด็ก vs ผู้ใหญ่ เทียบระดับความเสี่ยงอันตรายกระทบต่อสุขภาพ

PM 2.5 เด็ก vs ผู้ใหญ่ เทียบระดับความเสี่ยงอันตรายกระทบต่อสุขภาพ

PM 2.5 เด็ก vs ผู้ใหญ่ เทียบระดับความเสี่ยงกระทบต่อสุขภาพ โดย กรมการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้เด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

กรมการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้ฝุ่นละออง PM 2.5 เด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ เนื่องจากตัวเล็ก ปอดกำลังพัฒนา ชอบเล่นในที่กลางแจ้ง อัตราการหายใจเร็ว มีแนวโน้มไม่ใส่เครื่องป้องกันฝุ่น มีโอกาสได้รับฝุ่นเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวมากกว่าผู้ใหญ่ในช่วงเวลาเท่ากัน ขณะเดียวกันผู้ป่วยโรคหืดจะมีความไวต่อการกระตุ้นจากฝุ่น PM 2.5

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตยากร อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผย PM 2.5 เป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งขนจมูกไม่สามารถกรองได้ และอาจมีสารพิษเกาะติดมาด้วย สามารถเข้าสู่ทางเดินหายใจเข้าไปยังถุงลมและแทรกซึมผ่านเข้าไปยังหลอดเลือดฝอยและเข้าสู่กระแสเลือดได้ ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้น ไปรบกวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ

ผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้น

  • ไอ
  • จาม
  • ระคายเคืองตา
  • แสบตา
  • ตาแดง
  • ระคายเคืองผิวหนัง
  • เกิดผื่นคัน

ผลกระทบระยะยาวต่อระบบทางเดินหายใจ

  • มะเร็งปอด
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือด
  • หัวใจวาย
  • ความดันโลหิตสูง
  • คลอดก่อนกำหนด
  • ทารกคลอดน้ำหนักตัวน้อย
  • นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อพัฒนาการและระบบสมองของทารก

นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า การดูแลและป้องกันเด็กให้ปลอดภัยจาก PM 2.5 ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ควรติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศ ดูแลให้เด็กดื่มน้ำสะอาด 8-10 แก้วต่อวัน ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิดและเปิดพัดลม ให้อากาศหมุนเวียน ไม่จอดรถและติดเครื่องยนต์เป็นเวลานานในบริเวณบ้าน

เมื่อ PM 2.5 อยู่ในระดับมากกว่า 26 มคก./ลบ.ม. ดูแลเด็กให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้าน หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกัน PM 2.5 สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัวควรดูแลอย่างใกล้ชิด หากมีอาการไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

 

PM 2.5 เด็ก vs ผู้ใหญ่ เทียบระดับความเสี่ยงอันตรายกระทบต่อสุขภาพ

 

ข้อมูลจาก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข