9 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ 'บุหรี่ไฟฟ้า'ในสหราชอาณาจักร

9 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ 'บุหรี่ไฟฟ้า'ในสหราชอาณาจักร

ปัจจุบันมีข้อมูลมากมายที่อาจสร้างความเข้าใจผิดๆ ให้กับผู้คนในสังคมเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า หน่วยบริการสุขภาพของสหราชอาณาจักร ได้เผยแพร่ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่พบบ่อยที่สุด รวมถึงข้อเท็จจริงที่อิงตามหลักฐานและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

การใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นไม่ได้ปราศจากอันตรายโดยสิ้นเชิง และเหมาะสำหรับผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ เพื่อสนับสนุนการเลิกสูบบุหรี่เท่านั้น

  • ความเชื่อที่ 1: การใช้บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายพอๆ กับการสูบบุหรี่

ข้อเท็จจริง: แม้การสูดนำเอาไอระเหยนิโคตินจะไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง แต่ก็นับว่าเป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่อย่างมาก

ในปี 2022 ผู้เชี่ยวชาญในสหราชอาณาจักรได้ตรวจสอบหลักฐานจากหลายประเทศและพบว่า "ในระยะสั้นและระยะกลาง การใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่" โดยบุหรี่จะปล่อยสารเคมีหลายพันชนิดออกมาเมื่อเผาไหม้ หลายชนิดมีพิษ และกว่า 70 ชนิดก่อให้เกิดมะเร็ง สารเคมีอันตรายส่วนใหญ่ในควันบุหรี่ รวมทั้งน้ำมันดินและคาร์บอนมอนอกไซด์นั้นไม่พบในไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ที่เปลี่ยนจากการสูบบุหรี่เป็นบุหรี่ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์จะสามารถลดการสัมผัสกับสารพิษที่ส่งผลต่อความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง  โรคปอด โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองอย่างมีนัยสําคัญ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

แฉเล่ห์ “บุหรี่ไฟฟ้า”ที่ต้องรู้ให้ทัน 1 ปีคนไทยเป็นเหยื่อเพิ่ม 10 เท่า

เด็กอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6% หรือ 5.3 เท่า

ใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่

  • ความเชื่อที่ 2: นิโคติน ทำให้เสพติด แต่ไม่ใช่ตัวการหลักก่อมะเร็ง

ข้อเท็จจริง: นิโคตินจะเสพติด แต่มีอันตรายน้อยเมื่อเทียบกับสารอื่นๆ ในควันบุหรี่ 

มีสารเคมีที่เป็นพิษมากมายในควันบุหรี่ที่ก่อให้เกิดอันตราย นิโคตินเองไม่ใช่ตัวการหลักในการก่อให้เกิดมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง และถูกนํามาใช้อย่างปลอดภัยเป็นเวลาหลายปีในยา เพื่อช่วยให้ผู้คนเลิกสูบบุหรี่

  • ความเชื่อที่ 3: การใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่

ข้อเท็จจริง: มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินนั้น มีประสิทธิภาพช่วยการบําบัดทดแทนด้วยนิโคตินชนิดอื่นๆ เช่น แผ่นแปะนิโคติน หรือหมากฝรั่งนิโคติน แต่สิ่งสําคัญคือต้องเลือกน้ำยาที่มีระดับนิโคตินเพียงพอที่จะสามารถลดอาการจากการถอนนิโคตินและความต้องการสูบบุหรี่

ข้อมูลระบุว่า กว่า 2 ใน 3 ของผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมกับการสนับสนุนจากบริการการช่วยเลิกบุหรี่ในระดับท้องถิ่นประสบความสําเร็จในการเลิกสูบบุหรี่

9 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ \'บุหรี่ไฟฟ้า\'ในสหราชอาณาจักร

ความเชื่อผิดๆ บุหรี่ไฟฟ้าในสหราชอาณาจักร

  • ความเชื่อที่ 4: ใช้บุหรี่ไฟฟ้า เป็นการเปลี่ยนจากการเสพติดหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่งแต่อันตรายเท่ากัน

ข้อเท็จจริง:  บุหรี่ไฟฟ้าจะมีสารเสพติดเช่นเดียวกับบุหรี่ แต่อันตรายน้อยกว่า เพราะการสูบบุหรี่ให้นิโคตินโดยการเผาใบยาสูบ ซึ่งสร้างสารพิษที่เป็นอันตรายมากมายที่อาจทําให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าให้นิโคตินผ่านการให้ความร้อนกับน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า  บุหรี่ไฟฟ้าทําให้ผู้ใช้ได้รับสารพิษในระดับที่น้อยกว่าอันตรายจากการสูบบุหรี่ แต่ก็ถือว่าเป็นอันตราย

  • ความเชื่อที่ 5: คนใช้บุหรี่ไฟฟ้าถี่กว่าบุหรี่ แปลว่ามันแย่กว่าการสูบบุหรี่

ข้อเท็จจริง: เป็นเรื่องปกติที่คนจะใช้บุหรี่ไฟฟ้าถี่กว่าความถี่ที่เคยชินตอนสูบบุหรี่ เมื่อเทียบกับหนึ่งครั้งของการสูบควันจากบุหรี่ การหายใจนำไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปนั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่ามาก ลักษณะการนำส่งนิโคตินไปยังสมองจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่มวนนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน หากเป็นการสูบบุหรี่ นิโคตินจะถูกนำส่งภายในระยะเวลาที่สั้น ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าจะใช้เวลานานกว่าในการนำส่งนิโคตินไปสู่สมอง และทำให้ผู้ใช้เหมือนกับกำลัง ‘ค่อยๆ จิบ’ บุหรี่ไฟฟ้าในความถี่ที่สูงกว่า

  • ความเชื่อที่ 6: บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้รับการควบคุมและเราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น

ข้อเท็จจริง: ในสหราชอาณาจักร ผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าได้รับการควบคุมภายใต้กฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อความปลอดภัยและการรับรองคุณภาพ

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่จำหน่ายจะต้องทำการจดแจ้งไปยังหน่วยงานกํากับดูแลยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ (MHRA) พร้อมระบุข้อมูลโดยละเอียดรวมถึงรายการส่วนผสมทั้งหมด

  • ความเชื่อที่ 7: บุหรี่ไฟฟ้าทําให้เกิด 'โรคปอดป็อปคอร์น'

ข้อเท็จจริง: บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ก่อให้เกิด "โรคปอดป็อปคอร์น" ซึ่งเป็นชื่อสามัญของโรคหายากที่เรียกว่า Bronchiolitis Obliterans โรคนี้พบในกลุ่มคนงานในโรงงานที่สัมผัสกับสารเคมี Diacetyl ที่ใช้ในการปรุงรสข้าวโพดคั่ว โดย Diacetyl มีอยู่ในควันบุหรี่ แต่เป็นส่วนผสมที่ถูกห้ามในบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาที่ควบคุมโดยกฎหมายของสหราชอาณาจักร

  • ความเชื่อที่ 8: การสัมผัสกับไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง

ข้อเท็จจริง: จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง

แม้ว่าควันบุหรี่มือสองจากบุหรี่จะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้อื่น แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง และความเสี่ยงอื่นๆ ก็คาดว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก แต่เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าขณะที่มีเด็กและเยาวชนอยู่ใกล้ๆ เนื่องจากเด็กเล็กมักลอกเลียนแบบสิ่งที่ผู้ใหญ่ทํา รวมถึงควรพิจารณาและคำนึงถึงผู้อื่นเสมอเมื่อใช้บุหรี่ไฟฟ้าในบริเวณที่มีผู้อื่นอยู่ด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะสุขภาพ เช่น โรคหอบหืด ที่อาจไวต่อไอละอองของบุหรี่ไฟฟ้าเป็นพิเศษ

  • ความเชื่อที่ 9: บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งสามารถให้นิโคตินได้มากเทียบเท่าบุหรี่ถึง 40 หรือ 50 มวน

ข้อเท็จจริง: บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่ได้มาตรฐานของสหราชอาณาจักรนั้นให้นิโคตินในปริมาณที่ใกล้เคียงกับบุหรี่ 20 มวน

บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่ควบคุมโดยกฎหมายสหราชอาณาจักรนั้น สามารถมีระดับนิโคตินได้สูงสุดที่ 20 มก./มล.  โดยประกอบด้วยของเหลว 2 มล. และนิโคติน 40 มก. ซึ่งทำให้สามารถนำส่งนิโคตินให้แก่ผู้ใช้ได้โดยเฉลี่ยประมาณ 20 มก. ขณะที่บุหรี่ 20 มวนหรือหนึ่งซองนั้นมีนิโคติน 200 ถึง 300 มก. และผู้สูบจะได้รับนิโคตินโดยเฉลี่ยเพียง 20 ถึง 30 มก.

อ้างอิง: Vaping myths and the facts - Better Health - NHS (www.nhs.uk) จาก หน่วยงานบริการดูแลสุขภาพแห่งชาติ (National Healthcare Service) ของสหราชอาณาจักร