วง “บีทีเอส” เตรียมเยือนทำเนียบขาว ถกปัญหา “เหยียดชาวเอเชีย” กับผู้นำสหรัฐ
แทบจะไม่ใช่แค่นักร้องเคป๊อปแล้วสำหรับวง “บีทีเอส” ที่ล่าสุดได้รับเทียบเชิญจาก “โจ ไบเดน” ให้ไปเยือนทำเนียบขาวเพื่อถกปัญหาอันเกี่ยวเนื่องมาจากกระแสเกลียดชังคนเอเชียในสหรัฐฯ หลังจากที่เคยกล่าวคำปราศรัยในที่ประชุมยูเอ็นมาแล้วสองครั้ง
กลายเป็นทูตสันถวไมตรี ตัวแทนคนรุ่นใหม่ และตัวแทนชาวเอเชียอย่างแท้จริง สำหรับวงบีทีเอส (BTS) หรือวง “บังทันโซนยอนดัน” จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ล่าสุดทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐออกแถลงการณ์ในวันนี้ (26 พฤษภาคม) ว่า 7 หนุ่มแดนกิมจิจะเดินทางเยือนทำเนียบขาวเพื่อเข้าพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมพูดคุยเรื่องกระแสต่อต้านชาวเอเชียในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายปีมานี้
แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า 7 หนุ่มวงบีทีเอส ซึ่งประกอบด้วย คิมนัมจุน (อาร์เอ็ม-หัวหน้าวง), คิมซอกจิน (จิน), มินยุนกิ (ชูก้า), จองโฮซอก (เจโฮป), พัคจีมิน (จีมิน), คิมแทฮยอง (วี), จอนจองกุก (จองกุก) จะเดินทางเข้าพบผู้นำสหรัฐ ณ ทำเนียบขาว ในวันที่ 31 พฤษภาคม
โดยสมาชิกวงบีทีเอสจะร่วมพูดคุยกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในประเด็นอาชญากรรมต่อต้านชาวเอเชียที่เกิดขึ้นในสหรัฐ ตลอดจนเป็นตัวแทนนำเสนอถึงปัญหาดังกล่าวที่พวกเขา ซึ่งเป็นชาวเอเชีย ก็ได้ประสบมากับตัวเองเช่นกัน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดนได้ประกาศจุดยืนไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมุ่งมั่นแก้ไขกระแสเกลียดชังชาวเอเชียที่ทวีจำนวนขึ้น ทั้งยังได้ลงนามรับรองกฎหมายอาชญากรรมความเกลียดชังโควิด-19 (COVID-19 Hate Crimes Act) ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 เพื่อเปิดทางให้มีการบังคับใช้กฎหมาย และเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความเกลียดชังที่มีต่อชาวเอเชียในสหรัฐได้มากขึ้น
ขณะที่ “คิมนัมจุน” หรือ “อาร์เอ็ม” หัวหน้าวงบีทีเอส ก็ได้พูดถึงกระแสเหยียดชาวเอเชียในสหรัฐ เอาไว้ในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “Permission to Dance on Stage” ณ SoFi Stadium ในนครลอสแองเจลีส เมื่อปลายปีที่แล้วว่า
“เวลาที่เราพูดถึงกระแสความเกลียดชังที่มีต่อชาวเอเชีย ไม่ว่าจะในงานประกาศรางวัลต่างๆ หรือผ่านบทเพลงของพวกเรา เราได้แต่หวังว่าสิ่งนี้จะสามารถช่วยเหลือชาวเอเชียบนโลกใบนี้ได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ
หากว่ามีอะไรที่พวกเราสามารถช่วยได้ พวกเราเปิดรับเสมอ เราจะพยายามสร้างความหลากหลายให้มากยิ่งขึ้น เพื่อหยุดยั้งการแบ่งแยกเชื้อชาติ และการเหยียดสีผิวครับ”
บีทีเอสยังเคยบอกเล่าประสบการณ์ที่พวกเขาถูกเหยียดเพราะเป็นคนเอเชียเอาไว้ผ่านทางทวิตเตอร์ของวงด้วยเช่นกัน
“เราไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้เลยครับ สำหรับความเจ็บปวดของการตกเป็นเป้าความเกลียดชัง และความรุนแรงเพราะเรื่องดังกล่าว”
- ไม่ใช่แค่นักร้อง...แต่คือกระบอกเสียงคนรุ่นใหม่
การเดินทางเยือนทำเนียบขาวในครั้งนี้เป็นเครื่องตอกย้ำว่าวงบีทีเอสได้ก้าวข้ามการเป็นนักร้องวง K-Pop จากประเทศเกาหลีใต้ ไปเป็นกระบอกเสียงของคนรุ่นใหม่ ตลอดจนเป็นตัวแทนของคนเอเชียอย่างแท้จริง
โดยก่อนหน้านี้ บีทีเอสเคยสร้างความฮือฮามาแล้วจากการได้รับเชิญให้ไปกล่าวคำปราศรัยในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อปี 2020 ในฐานะผู้สนับสนุนแคมเปญยุติความรุนแรงขององค์กรยูนิเซฟที่ชื่อโครงการ BTS LOVE MYSELF
หลังจากนั้นในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2021 บีทีเอสก็ได้กลับไปเยือนที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของยูเอ็นอีกครั้ง ในฐานะผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ของคนรุ่นใหม่ ตลอดจนแสดงความคิดของพวกเขาเกี่ยวกับอนาคตในยุคโควิด
ที่สำคัญ บีทีเอสยังปิดท้ายการเยือนยูเอ็นด้วยการร้องเพลง Permission to Dance ของพวกเขา ณ สำนักงานใหญ่ยูเอ็น ในนิวยอร์ก ซึ่งมีศิลปินเพียงไม่กี่คนบนโลกนี้เท่านั้นที่ได้ไปทำการแสดง ณ สถานที่ดังกล่าว
ในส่วนของความสำเร็จในการเป็นนักร้องนั้น บีทีเอสสามารถก้าวขึ้นมายืนเทียบชั้นนักร้องนำระดับโลกได้ทั้งในแง่ของการสร้างรายได้ การติดชาร์ตเพลงระดับโลก การมีชื่อเข้าชิงและได้รับรางวัลด้านดนตรีระดับโลก รวมไปถึงการสร้างสถิติโลก “กินเนส เวิล์ด เรคคอร์ด” เอาไว้หลากหลายสถิติ