"ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น"เรื่องเล่า"หมอนัท"วิศวกรผันตัวมาเป็นแพทย์ทางเลือก

"ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น"เรื่องเล่า"หมอนัท"วิศวกรผันตัวมาเป็นแพทย์ทางเลือก

หมอนัท ลูกชายหมอแดง เจ้าของแนวคิด“ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น” นอกจากทำคลีนิกดิ อโรคยา ยังเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องสุขภาพ ทำคลิปให้ความรู้ในยูทูป แพทย์ทางเลือก

แนวคิดที่ว่า หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา เรื่องเหล่านี้ หมอแดง (วีระชัย วาสิกดิลก)แพทย์ทางเลือก เจ้าของแนวคิดใครไม่ป่วยยกมือขึ้น เจ้าของคลีนิคแพทย์แผนไทย ดิ อโรคยา พยายามที่จะให้ทุกคนรู้จักวิธีดูแลตัวเอง

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมอแดง เริ่มชราและป่วย หมอนัท-ณัฐพล วาสิกดิลก ลูกชายจึงเข้ามารับช่วงดูแล ดิ อโรคยา หลังจากปิดบริการช่วงโควิดระบาดกว่า 3 ปีกำลังจะกลับมาเปิดเดือนกันยายน 65 

ล่าสุดมีโอกาสคุยกับ“หมอนัท” เขายอมรับว่า ช่วงโควิดระบาดไม่ได้เปิดคลีนิคเลย ช่วงหนึ่งว่างมาก จนเป็นซึมเศร้า แต่ก็รักษาด้วยความรู้การแพทย์ทางเลือก ทั้งแผนไทย แผนจีนและอายุรเวทที่เขาศึกษาเอง...

 

ทำไมสนใจเรื่องการแพทย์ทางเลือก

ครอบครัวผมเปิดคลีนิกดิ อโรคยา ตั้งแต่ผมเรียนปี 3 ปี 2545 ผมมาช่วยพ่อทำหนังสือ ตอนนั้นพ่อเขียนด้วยลายมือ ผมเรียนจบด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เมื่อผมต้องช่วยพ่อพิมพ์ งาน ก็ต้องอ่านหนังสือเพิ่ม จึงเริ่มสนใจเแพทย์ทางเลือก สิบกว่าปีที่แล้วพ่อเริ่มป่วย ผมก็ทำงานแทน

ความรู้การแพทย์ทางเลือก ศึกษาได้ไม่มีวันจบสิ้น ? 

แต่ละคัมภีร์มีจุดเด่นต่างกัน  บางคัมภีร์เรื่องตา บางอันเรื่องคอ เรื่องขับถ่าย ลำไส้ คลีนิกที่ครอบครัวผมทำมีคนไข้เกี่ยวกรดไหลย้อน ลำไส้เยอะ  ผมได้คนไข้กลุ่มนี้มาศึกษาในเรื่องยา  บางทีไม่ใช่แค่กรดไหลย้อน คนไข้เครียด

\"ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น\"เรื่องเล่า\"หมอนัท\"วิศวกรผันตัวมาเป็นแพทย์ทางเลือก

 

ผมไปเรียนแพทย์แผนไทยที่วัดโพธิ์ แทบไม่ได้เรียนจากคุณพ่อเลย ผมต่อสู้ด้วยตัวเองสองสามปี ผมได้ความรู้ตอนทำหนังสือกับพ่อ และศึกษาจากคนไข้รุ่นคุณพ่อ ส่วน แพทย์จีน อายุรเวท และแพทย์ปัจจุบัน ศึกษาเอง

เห็นบอกว่าก่อนจะศึกษาเรื่องแพทย์แผนไทยจริงจัง หมอนัทก็มีปัญหาเรื่องการกินอาหารไม่เลือก ? 

ตอนเรียนมัธยมปีที่ 4-5 ผมชอบกินอาหารฝรั่ง เบคอน ของทอด ชีส เนย ขนมปัง ของหวาน จึงทั้งอ้วน มีกลิ่นตัว น้ำหนักเยอะ แม่ปั่นน้ำผักให้กิน น้ำหนักผมลด 4 กิโลกรัมภายในหนึ่งเดือน

ตอนผมเรียนมหาวิทยาลัย ผมอยากรวยเร็วๆ อยากประสบความสำเร็จ ก็เลยเครียด ดื่มชานม ชาเย็น และของหวาน เมื่อเครียดระบบย่อยก็ไม่ดี ทำให้เป็นกรดไหลย้อน หายใจลำบาก การขับถ่ายไม่ดี จุกแน่น ไอ

พ่อให้เลิกดื่มชาเย็น แล้วให้กินยาธรณีสัณฑะฆาต กินยาเสร็จในสองชั่วโมงถ่าย 5 รอบ หลังจากนั้นอาการไอ จุกแน่น ก็หาย จึงพยายามศึกษาเรื่องกรดไหลย้อน ยาที่กินช่วยไล่ลมและขับอุจจาระที่ค้าง ลดความตึงเครียดได้

โรคอะไรที่การแพทย์ทางเลือกรักษาไม่ได้บ้าง

หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา คนเราป่วยเพราะตัวคุณเอง อย่างโรคภูมิแพ้ตัวเอง  โรคกลุ่มนี้เกี่ยวกับระบบประสาท ภูมิคุ้มกันบกพร่อง พอกินยาต้านการอักเสบ ยาลดอาการบวม รักษาเรื่องหนึ่งได้ ก็โผล่อีกเรื่อง

สิ่งที่ต้องการเปลี่ยนคือ ต้องออกกำลังกายเท่าที่จะทำได้ หลังอาหารก็กินสมุนไพรช่วยย่อย หรือโปรไบโอติก พอร่างกายกลับเข้าสู่สมดุล ก็เริ่มซ่อมแซมตัวเอง

คนที่เป็นโรคหนักๆ เอสแอลอี มะเร็งหรือโรครักษายาก ร่างกายเสียสมดุล ไม่ยอมซ่อมตัวเอง ทำงานหนัก เครียด นอนน้อย ถ้าร่างกายสมดุลก็จะฟื้น 

\"ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น\"เรื่องเล่า\"หมอนัท\"วิศวกรผันตัวมาเป็นแพทย์ทางเลือก

การรักษาตามแนวแพทย์แผนไทย ไม่ค่อยมีงานวิจัยรองรับ มีปัญหาไหม

เปิดคลินิกแรกๆ ก็มีปัญหาไม่เชื่อมั่นยา พอปีที่ 3-4 คนไข้ก็มั่นใจการรักษาของหมอแดง  ผมมาแทนคุณพ่อ ใช้เวลาสองปีก็เข้าที่

เรารักษาโดยให้คนไข้ดูแลตัวเอง ปรับพฤติกรรม ใช้สมุนไพร ซักข้อมูลเยอะ เพื่อจะรู้ว่าป่วยเพราะอะไร

การรักษาต่างจากที่อื่นอย่างไร

มีคนไข้จากความเครียดทางสมอง ซึมเศร้า วิตกกังวล อยากฆ่าตัวตายด้วย เขาต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่า ซึมเศร้าหรือแพนิค เกิดจากกระบวนการที่ร่างกายต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง อัตตาเยอะ คนเป็นซึมเศร้า มักรู้สึกว่าไม่ภูมิใจในตนเอง เกลียดตนเอง

เราต้องประคับประคอง ใช้ยาปรับอารมณ์ ปรับคุณภาพชีวิต ใช้ยาช่วยย่อยอาหารให้ดีก่อน ถ้าลำไส้ดี ความรู้สึกจะนิ่งดีขึ้น เคลียร์ร่างกาย 6 เดือน หลังจากนั้นยังมีอาการแพนิคอีกพักหนึ่ง 

ก็รักษาให้เขารู้สึกมั่นใจตัวเอง ออกกำลังกายมากขึ้น หาสิ่งใหม่ทำ บำรุงเลือด จัดการเรื่องสมอง รวมๆ ใช้เวลาปีหนึ่ง คนๆ นั้นก็จะเริ่มหาอะไรทำ ลดอาการวิตกกังวลมีทักษะพัฒนาชีวิตใหม่

สารเคมีในสมองทำให้เกิดอาการซึมเศร้า ? 

เมื่อไหร่ก็ตามที่คนๆ นั้นเริ่มเข้าใจตัวเอง สารเคมีในสมองก็ค่อยๆ ปรับ  ถ้าใช้ยาควบคุมสมองมากไป ก็จะไม่เข้าโหมดปกติ ก็ใช้ยาได้บ้าง ที่เหลือก็ปรับสมดุลสำไส้ ออกกำลังกาย ทำสมาธิ ซึ่งที่ต้องทำคือ ลดความคิดฟุ่งซ่าน ยิ่งแพนิค ซึมเศร้า 

เวลาจะทำอะไรก็ทำทีละเรื่อง อย่าทำหลายๆ เรื่อง อยากรวย ต้องใจเย็น เอาตัวเองให้รอดก่อน ค่อยๆ ไต่ระดับ ฮอร์โมนและสารสื่อประสาทในสมองจะค่อยๆ ปรับตัว แต่ถ้าไปกินยานอนหลับ ใช้ยาบางอย่าง จะหายได้ยาก

แพทย์แผนไทยรักษาอาการซึมเศร้าได้อย่างไร

ช่วงโควิด ผมก็เป็นซึมเศร้า หายด้วยตัวเอง ทำให้ผมเข้าใจขั้นตอนการเป็นซึมเศร้า ผมรักษาด้วยยา10 วัน หลังจากนั้นคิดว่าไม่ใช่แล้ว จึงหาวิธีรักษาตัวเอง เมื่อหายจากซึมเศร้า ผมไลฟ์สดในเฟซบุ๊คว่าใช้วิธีอย่างไร มีคนซึมเศร้าเข้ามาคุยเยอะ ก็เลยได้ศึกษาจากคนกลุ่มนี้ด้วย

\"ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น\"เรื่องเล่า\"หมอนัท\"วิศวกรผันตัวมาเป็นแพทย์ทางเลือก

ช่วงโควิด เป็นช่วงที่ว่างไม่ค่อยได้ทำงาน?

เราเคยได้สารแห่งความสุขเยอะ พอช่วงโควิดไม่ได้เปิดคลีนิก ว่าง ตอนนั้นสารสื่อประสาทในสมองเพี๊ยน คนที่ปฎิบัติธรรม นั่งสมาธิเยอะๆ เป็นโรคซึมเศร้าไม่ใช่น้อย หลักๆ ของซึมเศร้า ก็คือความยึดติด มีทั้งยึดติดในชื่อเสียง ความรู้ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ยึดติดแล้วหาย มีจังหวะให้เรียนรู้ ทำให้เปลี่ยนแปลง

คนในปัจจุบันใช้มือถือเยอะ

คนปัจจุบันใช้มือถือเยอะ ไม่ปล่อยให้สมองว่างๆ บังเอิญว่าโรคโควิดเป็นเรื่องของธาตุลม ความรู้สึก 

แม้บางคนหายจากอาการติดเชื้อ แต่ธาตุลมที่อยู่ในปอด สมอง หัวใจ อาการลองโควิดยังอยู่ ต้องใช้เวลา 6 เดือนจึงจะเอาออกหมด สองสามเดือนหลังหายจากโควิด ลดการเล่นมือถือ ออกกำลังกาย เดินถอดรองเท้าบ่อยๆ สมาธิบ้าง ก็จะหายไว อาจภายในเดือนเดียว

ถ้าไม่อยากป่วยต้องกินอะไร

ถ้าเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เบาหวาน ความดัน หลอดเลือด โรคกลุ่มนี้เรียกว่าเสมหะกำเริบ มีความเหนียวข้นทำให้เลือดไหลเวียนช้า ปลายมือ ปลายเท้าชา สมองคิดอะไรไม่ออก ต้องเลี่ยงของทอด เนื้อสัตว์ไม่มาก ชานม เบเกอรี่

ไม่อยากป่วยเป็นมะเร็งมีทางป้องกันไหม

ร่างกายเรามีทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ต้านมะเร็ง แต่เมื่อใดร่างกายเสียสมดุล เครียด นอนดึก กินอาหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเกินไป หวานหรือผักมากไป 

อะไรก็ตามที่ไม่สมดุล สุดท้ายก็เป็นก้อนเกิดการอักเสบลุกลาม ต้องทำร่างกายและจิตใจให้สมดุล บางคนอยากมีกล้ามสวยๆ กินอาหารเสริมมากไป ทำแบบนั้นเป็นการส่งสัญญาณร่างกายว่า อยู่ในสภาวะต้องสู้ตลอดเวลา

การสร้างกล้ามตลอดเวลาจะทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย เซลล์มะเร็งก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้น ทั้งๆ ที่มีกล้ามแต่ไม่สมดุล คนเราต้องพอเหมาะพอดี เป็นมังสวิรัติก็ต้องกินแบบไม่สุดโต่ง

บางคนคิดว่ากินมังสวิรัติ แล้วจะไม่เป็นมะเร็ง ความคิดแบบนี้จะทำให้ร่างกายกลัวตลอดเวลา จะทานเนื้อสัตว์ก็น้อยหน่อย ทานผักด้วย มีเป้าหมายกลางๆ

การกินอาหารรสขม หวาน เผ็ด เปรี้ยว มีผลต่อร่างกายอย่างไร

คนกินรสหวาน กินแล้วก็อยากเพิ่มอีก รสหวานช่วยบำรุงไขข้อ ถ้าเป็นคนที่ผอมแห้งกินจะมีกำลังมากขึ้น เหมาะสำหรับคนผอม รสเผ็ดจะช่วยเปิดทวาร ใครที่ถ่ายไม่ออก ลมเบ่งน้อย ขับลมไม่ดี ต้องกินรสเผ็ดไล่ลม

รสเปรี้ยว มีเอนไซน์การย่อยที่ดี ปรับร่างกายให้สมดุลน ถ้าเป็นภูมิแพ้ เครียด ใช้รสเปรี้ยวพวกน้ำส้ม น้ำมะนาว ช่วยลดเครียดได้ 

ส่วนรสเค็มจะดึงน้ำเข้าสู่ร่างกาย ขับของเสียออก อย่างน้ำเกลือล้างแผล ทางการแพทย์แผนไทย บางทีใช้ดินประสิว เหงือกปลาหมอ สมุนไพรที่อยู่ตามป่าชายเล จะมีรสเค็ม ตัวยานี้ใช้ฆ่าเชื้อโรค ขับพิษ

รสขม ทำให้จิตใจนิ่งขึ้น คนที่ทำงานเยอะๆ เครียด ไม่ค่อยพักผ่อน ต้องกินรสขม จะทำให้ตับย่อยอาหารได้ดี และรสฝาด เวลากินลิ้นจะสากๆ ทำให้ผิวพรรณผ่องใส เช่นมะขามป้อม 

ในแต่ละวันควรกินอาหารอย่างไร

จะกินอาหารสองหรือสามมื้อก็ได้ ยึดหลักโภชนาการกินให้ครบ 5 หมู่ ถ้ากินตามหลักไม่ต้องกลัวขาดวิตามิน ให้กินผัก ถ้าจะกินเนื้อสัตว์และแป้งต้องไม่เยอะ หลังหนึ่งทุ่มไม่ควรรับประทานอาหาร จะทำให้อ้วนง่าย เพราะระบบเผาผลาญไม่ดี จะเกิดการอักเสบของร่างกาย นอนหลับไม่ดี

วิตามินและอาหารเสริมจำเป็นไหม

ถ้าขาดวิตามิน และมีความรู้เรื่องนี้จริงๆ ก็กินได้ มีเงินเพียงพอ กินก็ไม่เสียหาย บางคนทำงานกลางคืนหรือคนที่ใช้สมองเยอะ พลังงานจะเหลือน้อยกว่าคนปกติ อาจต้องใช้อาหารเสริมหรือหาตัวช่วย

.................

รูปประกอบจากเฟซบุ๊ค ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น