บัญญัติ 10 ประการของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ | ไสว บุญมา
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นอภิมหาเศรษฐีที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษเนื่องจากเขาไม่หวงวิชาและทรัพย์สินกองมหาศาล เขาทำงานมานานมากเนื่องจากวันศุกร์หน้าเขาจะอายุครบ 94 ปี แต่ยังไม่หยุดทำงานซึ่งก็คือการทำความร่ำรวยเพิ่มขึ้น
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ทำงานสร้างความร่ำรวยด้วยการซื้อหุ้นในบริษัทต่างๆ เป็นหลัก หลายต่อหลายครั้งเขาซื้อบริษัททั้งหมด แต่เขาไม่เข้าไปบริหารจัดการบริษัทเหล่านั้นโดยตรง หากทำผ่านคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัท
ในช่วงนี้มีรายงานว่า เขามีหุ้นบริษัทแอปเปิลคิดเป็นเงินราว 15 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นค่าที่มากที่สุดในบรรดาหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ของเขาแม้เขาจะเพิ่งขายไปบ้างแล้วก็ตาม
ความร่ำรวยของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เปลี่ยนรายวัน เนื่องจากราคาค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทต่าง ๆ เปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนคือ การคาดการณ์ของนักลงทุนในหุ้นว่าอนาคตของบริษัทจะขึ้นหรือลง บริษัทมีโอกาสล้มละลาย นักลงทุน หรือผู้ถือหุ้นจึงมีโอกาสสูญเงินทุน
แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ เสี่ยงไม่มากเนื่องจากก่อนเขาซื้อหุ้นแต่ละครั้ง เขาจะวิเคราะห์อย่างรอบคอบที่สุด ประวัติของเขาบ่งชี้เป็นอย่างดีว่า การวิเคราะห์ของเขาเข้าขั้นชั้นยอดเซียน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่หวงวิชาเนื่องจากตั้งแต่เขาเริ่มเป็นอภิมหาเศรษฐีมีสื่อขอสัมภาษณ์เขาเสมอ สื่อมักถามเขาเรื่องเคล็ดลับในการลงทุนซึ่งหลาย ๆ ครั้งคำตอบของเขากว้างมากโดยครอบคลุมไปถึงการดำเนินชีวิตและการบริหารจัดการทรัพย์สิน
เมื่อวันครบรอบวันเกิด 94 ปีของเขาใกล้เข้ามา สื่อในเครืออาณาจักรไมโครซอฟท์ซึ่งก่อสร้างขึ้นด้วยมันสมองของอภิมหาเศรษฐีเพื่อนซี้รุ่นน้องของเขา บิล เกตส์ ได้รวบรวมข้อคิดของเขาที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ มาเสนอรวม 10 ข้อดังนี้
1.การลงทุน มักเป็นคำถามนำซึ่งคำตอบจากวอร์เรน บัฟเฟตต์มักทำให้ผู้ถามและคนทั่วไปคาดไม่ถึง นั่นคือ เขาลงทุนในตัวเองมากที่สุดด้วยการศึกษาหาความรู้มากกว่าทำอย่างอื่นทุกวัน
วิธีสำคัญที่สุดของเขาคือการอ่าน เขาแนะนำว่าทุกคนควรอ่านวันละ 500 หน้า
2.บัตรเครดิต เขาบอกว่าอย่าเป็นหนี้บัตร เขาเองถือเพียงใบเดียวมา 60 ปีแต่แทบไม่ได้ใช้เนื่องจากเขาซื้อเกือบทุกอย่างด้วยเงินสด หากใช้บัตร เขาก็จ่ายตามกำหนด ไม่มีค้าง (เราทราบกันดีแล้วว่า ดอกเบี้ยหนี้บัตรเครดิตโหดมาก)
3.คุณภาพเหนือปริมาณ อย่าซื้อหุ้นเพราะเห็นว่าราคาถูกและน่าจะได้กำไรในระยะสั้น ควรเน้นคุณภาพของบริษัทและผลที่จะได้ในระยะยาว
4.หลักการใช้เงิน ใช้ส่วนที่เหลือจากการออมเพื่อซื้อของตามความจำเป็นเท่านั้น ไม่ใช่ตามกระแส ด้วยเหตุนี้เขาจึงมักใช้โทรศัพท์รุ่นตกยุคแล้ว
5.รถยนต์ เนื่องจากมันเป็นสมบัติที่เสื่อมค่าเร็วมาก จึงไม่ควรเปลี่ยนบ่อย หากเปลี่ยนตามความจำเป็น เขาใช้รถน้อย จึงมักซื้อรถมือสองที่ราคาต่ำแต่คุณภาพยังดี
6.การซื้อของ ซื้อตอนลดราคาและถ้ามีคูปองลดราคาก็นำออกมาใช้โดยไม่ต้องอายผู้อื่น เรื่องนี้เขาและบิล เกตส์ทำจนเป็นตำนานและเคยทำด้วยกันแม้กระทั่งในร้านขายแฮมเบอร์เกอร์ที่ฮ่องกง (บิล เกตส์ โปรดปรานแฮมเบอร์เกอร์เป็นชีวิตจิตใจ)
7.อาหารนอกบ้าน อย่าออกไปกินบ่อย เขากินง่ายและอาจกินอาหารในบ้านอย่างเดียวซ้ำ ๆ ได้หลายวันติดต่อกัน
8.โอกาสและงาน ต้องมองหาตลอดเวลาและไม่เกี่ยงงาน เขาทำงานมาตั้งแต่เด็กจากการรับจ้างเช็ดรถยนต์ เก็บลูกกอล์ฟเก่าขายไปจนถึงส่งหนังสือพิมพ์
9.ความเป็นอยู่ ยึดความพอเพียงโดยการใช้จ่ายตามความจำเป็น ไม่ใช่เพื่อสนองความอยาก
10) การพนัน อย่าเล่นเด็ดขาด เขามองว่ามันเป็นสิ่งน่าขยะแขยงที่สุดในสังคม หากเป็นแบบถูกกฎหมาย มันเป็นภาษีโหดร้ายที่รัฐบาลเก็บจากคนโง่
นอกจากจะไม่หวงวิชาแล้ว วอร์เรน บัฟเฟตต์ยังไม่หวงทรัพย์สินอีกด้วย เขาบริจาคทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มาอย่างต่อเนื่องโดยส่วนหนึ่งทำผ่านมูลนิธิการกุศลของบิล เกตส์
เขาเชิญชวนบรรดามหาเศรษฐีทั่วโลกให้บริจาคอย่างน้อยกึ่งหนึ่งของทรัพย์สิน ส่วนเขาได้ประกาศเป้าหมายไว้ว่า จะบริจาคถึง 99 เปอร์เซนต์.