'เปิ้ล ไอริณ' แจ้งตำรวจปอท. เอาผิดนศ.แพทย์ตัดต่อภาพวาบหวิว
"เปิ้ล ไอริณ" แจ้งตำรวจปอท. เอาผิดนศ.แพทย์ ตัดต่อภาพวาบหวิว หลังไม่ทำตามข้อตกลงอัดคลิปวิดีโอขอโทษผ่านสื่อ
ความคืบหน้ากรณีนักศึกษาแพทย์เผยแพร่ภาพตัดต่อนักแสดงสาว “เปิ้ล ไอริณ” สวมชุดราตรีไปร่วมงานประกาศรางวัลเป็นภาพสวมชุดสีทองโชว์เนินอก และกำลังจับชายกระโปรงเพื่อก้าวเดินจนเห็นซีทรูด้านใน เผยให้เห็นช่วงล่างดูคล้ายกับไม่ได้ใส่กางเกงชั้นใน ซึ่งภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ทั่วโลกออนไลน์ จนเกิดความเข้าใจผิดทำให้เจ้าตัวต้องเปิดแถลงข่าวเรื่องนี้ที่ สน.พหลโยธิน โดยไม่เอาเรื่องนักศึกษาแพทย์คนดังกล่าว เนื่องจากมีการส่งข้อความขอโทษแล้ว โดย “เปิ้ลไอริณ” ต้องการให้อัดคลิปวิดีโอขอโทษผ่านสื่อภายในเวลา 7 วัน แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับคลิปขอโทษ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 มี.ค. น.ส.ไอริณ ศรีแก้ว หรือเปิ้ล ไอริณ นักแสดงสาว พร้อมนายเกรียงไกร นาควะรี ทนายความ เดินทางเข้าแจ้งความตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.)เอาผิดกับนักศึกษาแพทย์ที่ไม่ทำตามข้อตกลง เนื่องจากไม่ได้รับคลิปคำขอโทษจากคู่กรณี โดยมี ร.ต.ท.อาคม จำปามูล พนักงานสอบสวน บก.ปอท.รับเรื่องลงบันทึกประจำวันไว้ตรวจสอบ
น.ส.ไอริณ กล่าวว่า ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วที่ปล่อยภาพดังกล่าว หลังจากคราวก่อนไม่ได้แจ้งความครั้งที่ไป สน.พหลโยธิน เพราะต้องการให้ผู้ที่ถ่ายภาพมาขอโทษ แต่ก็ไม่ทำอะไรเลยรวมทั้ง อยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ซึ่งการเผยแพร่ลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น เป็นการทำลายชื่อเสียงของตนโดยได้นำหลักฐานเป็นข้อความและภาพนิ่งจากแอพพลิเคชั่นไลน์มามอบให้ตำรวจ ส่วนการฟ้องร้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
"วันเกิดเหตุ ตั้งใจสวมชุดนั้น เพราะออกแบบเองและส่งให้ดีไซเนอร์ไปตัด อีกทั้งมีการป้องกันตัวเองอย่างดี แต่ก็มีภาพหลุดออกมาซึ่งสงสัยว่า รูปที่เกิดปัญหามีเพียงรูปเดียวและไม่ได้มาจากนักข่าวด้วยเป็นภาพหลุดมาจากคนธรรมดาและใช้เวลา 2 วันกว่าจะเผยแพร่ หากเป็นรูปจริง คงเห็นภาพนั้นตั้งแต่วันแรก มองว่าการตกแต่งภาพดังกล่าวเป็นการทำลายให้เสียชื่อเสียง ส่วนต้นตอผู้เผยแพร่รู้ตัวแล้ว แต่พูดไม่ได้กลัวมีผลต่อคดี "เปลิ้ ไอริณกล่าว
ด้าน ร.ต.ท.อาคม กล่าวว่า พนักงานสอบสวนต้องตรวจสอบพร้อมรวมรวบพยานหลักฐานว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาใดบ้าง ใครเป็นผู้เกี่ยวข้องบ้าง ก่อนจะดำเนินการตั้งข้อหาได้แต่โดยหลักๆที่ดูน่าจะเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง รวมถึงผิดพ.ร.บ.คอมพ์นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วย