ส่องสินค้า ถนนคนเดินสีลม งาน เดิน กิน ชิม เที่ยว Walking Street@Silom

ถนนคนเดินสีลม หรืองาน เดิน กิน ชิม เที่ยว Walking Street@Silom ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562 ในช่วงถนนสายวัฒนธรรม มีการออกร้านที่เกี่ยวกับงานฝีมือและวัฒนธรรมไทยอย่างน้อย 30 แบรนด์ ประชาชนผู้ไปชมงานให้ความสนใจกันอย่างคึกคัก อาทิ ร้านผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมครามในชื่อ Line Kram Saruda (ลายครามศรุดา) ผ้ามัดย้อมครามที่ตัดเย็บเป็นเสื้อกะเหรี่ยงสำหรับการสวมใส่ ได้รับความสนใจเข้ามาหยิบชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากลวดลายที่สวยงามแปลกตา เพราะเป็นการมัดย้อมครามแบบชิโบริ(Shibori)ของญี่ปุ่น

“จริงๆ เราสองคนเน้นเปิดสอนการทำผ้ามัดย้อมครามเป็นหลัก แต่คนที่มาเรียนก็อยากรู้ ผ้ามัดย้อมครามจะนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อย่างไร เราจึงทำผลิตภัณฑ์ออกมาให้ดูเป็นตัวอย่าง” สิรภพ บุญสุข กล่าวถึงความเป็นมาของ เสื้อกะเหรี่ยงยาว-สั้น เชิ้ตแนวญี่ปุ่นตัวพองๆ กระโปรง เสื้อยูกาตะ เดรสเชิ้ต กระเป๋าถือสตรีใบเล็ก กระเป๋าทรงโท้ต(tote)กระเป๋าสตางค์พับใบยาว ย่าม กระเป๋าใส่แก้วกาแฟ ซึ่งเป็นสินค้าจากผ้ามัดย้อมครามที่นำมาจำหน่ายในงาน ‘ถนนคนเดิน’ ครั้งนี้

สิรภพ บุญสุข กับการออกร้าน Line Kram Saruda ที่ถนนคนเดินสีลม

แบรนด์ผ้ามัดย้อมคราม ‘ลายครามศรุดา’ ร่วมกันสร้างสรรค์โดย ศรุดา กันทะวงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการย้อมครามสไตล์ชิโบริและอดีตผู้อำนวยการหอศิลป์ กับ สิรภพ บุญสุข ซึ่งเคยทำงานประจำด้านคอมพิวเตอร์กราฟิก

สิรภพเล่าให้ฟังว่า การมัดย้อมครามสไตล์ชิโบริ มีการนำวัสดุอื่นๆ เช่น ก้อนหิน มาประกอบกับการมัดย้อม เพื่อให้เกิดลวดลายใหม่ๆ วัสดุอะไรก็ได้สุดแท้แต่ผู้มัดย้อมจะสร้างสรรค์ ส่วนตัวเขาได้ลองนำ ‘ถั่วแดง’ มาใช้ ก็ได้ลวดลายเฉพาะตัวที่เกิดจากรูปทรงถั่วแดง รวมทั้งใช้วิธีพันผ้ากับท่อนไม้ วิธีการเนาผ้าก่อนมัดย้อม ล้วนทำให้เกิดลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งพบเห็นได้ในสินค้าที่นำมาจำหน่าย

เสื้อกะเหรี่ยงยาว เสื้อกะเหรี่ยงสั้น

กระเป๋าทรง tote, ผ้าคลุมไหล่ (ภาพ : www.facebook.com/saruda.kantawong)

นอกจาก ‘คราม’ สิรภพและศรุดายังใช้วัตถุดิบธรรมชาติชนิดอื่นๆ ในการมัดย้อม เช่น สีเสียดอินเดีย-ไทยให้สีน้ำตาล มะเกลือให้สีเขียวขี้ม้า น้ำตาล ดำ ฝางให้สีชมพู สีบานเย็น สีม่วง มัดย้อมกับผ้าเส้นใยธรรมชาติ อาทิ ผ้าฝ้าย ลินิน ไหม ผ้าใบ ผ้ามัดย้อมและสินค้าของแบรนด์ ‘ลายครามศรุดา’ จึงมีเอกลักษณ์สวยงามสะดุดตา

สิรภพและศรุดาเปิดสอนการมัดย้อมครามมาแล้ว 3-4 ปี ในลักษณะคอร์ส 1 วัน (10.00-16.00 น.) รับสูงสุด 6 คน/คอร์ส ราคา 2,500-3,500 บาท/คน รับผลิตภัณฑ์กลับบ้าน 4-5 ชิ้น ส่วนผลิตภัณฑ์เริ่มทำจำหน่ายได้ 2 ปี เนื่องจากรับสอนการมัดย้อมเป็นหลัก แบรนด์ลายครามศรุดาจึงยังไม่มีหน้าร้าน แต่จะรับเชิญออกร้านจำหน่ายตามงานเทศกาลต่างๆ ผู้สนใจติดตามข่าวได้ทาง www.facebook.com/saruda.kantawong รวมทั้งรายละเอียดตารางการเรียนมัดย้อม

สินค้าดีไซน์น่ารัก-ลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Maka (มาฆะ) 

ร้านต่อมาที่มีโอกาสคุยด้วยคือร้านชื่อ Maka (มาฆะ) สินค้าร้านนี้ได้รางวัลโอทอป 4 ดาว นนทบุรี สะดุดตาด้วย กระเป๋าทรงโท้ต ที่ผสมผสานงานจักสาน (กก, กระจูด) เข้ากับวัสดุหนังแท้และผ้าป่าน-ผ้าย้อมคราม, พวงกุญแจ ตกแต่งด้วยแผ่นหนังตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ที่จัดทรงเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น แมว สุนัข หมู ช้าง ปลาตะเพียน ผีเสื้อ และรูปดอกไม้ รองเท้า กระเป๋า เป็นฝีมือการออกแบบและสร้างสรรค์โดยคุณ สุชฎา คล่องนักรบ อดีตนักออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์

‘พวงกันลืม’  แบรนด์ Maka ตกแต่งด้วยแผ่นหนังจัดทรงเป็นรูปสัตว์ต่างๆ 

“จริงๆ แล้ว พวงกุญแจ คุณสุชฎาเรียก ‘พวงกันลืม’ คือใช้ห้อยกุญแจแล้วใช้คล้องกับหูกระเป๋าถือได้ เวลาจะหากุญแจ ไม่ต้องเสียเวลารื้อของในกระเป๋า เพราะคล้องไว้กับหูกระเป๋าแล้ว หรือถ้าไม่ใช้คล้องกุญแจ ก็ใช้เป็นเครื่องประดับ ที่ผู้ชายใช้คล้องกับหูกางเกงก็ได้” ผู้ดูแลร้าน กล่าว

“สินค้าทั้งหมดเป็นงานแฮนด์เมด คุณสุชฎาทำเองทั้งหมดด้วยมือ” ผู้ดูแลร้านกล่าวและยกตัวอย่าง แผ่นหนัง รูปต่างๆ ที่ห้อยประดับ ‘พวงกันลืม’ คุณสุชฎาใช้มือม้วน จัดให้เป็นรูปทรง จัดวางด้วยตัวเอง ใช้เวลาทดลองดูความสวยงาม ดูความอยู่ตัวของรูปทรง

กระเป๋าผ้าเส้นใยธรรมชาติ ตกแต่งด้วยแผ่นหนังรูปสัตว์และการปัก

แม้เป็นวัสดุธรรมชาติ แต่คุณสุชฎาก็คัดสรรคุณภาพอย่างดี เช่น กระเป๋าที่ตกแต่งด้วยกระจูด-กก จะไม่ขึ้นรา เพราะเลือกใช้งานกระจูด-งานกกที่ผลิตโดยกลุ่มโอทอปที่ผ่านกระบวนการทำวัสดุให้มีมาตรฐานสินค้าเรียบร้อยแล้ว

สินค้าแฮนด์เมดดีไซน์อื่นๆ ก็มี เช่น สมุดบันทึกที่หุ้มปกด้วยผ้าป่าน ผ้าย้อมครามสีพื้นและแบบมีลวดลาย หมวกผ้าใยกัญชง เป็นที่ถูกอกถูกใจคนชอบงานฝีมือที่เดินผ่านไปผ่านมา โดยเฉพาะ ‘พวงกันลืม’ นักท่องเที่ยวต่างชาติถูกใจแวะอุดหนุนตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน

ในต่างประเทศยกย่อง ‘นกฮูก’ เป็นสัญลักษณ์ของสัตว์มงคล โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นชื่นชอบนกฮูกมาก เพราะนกฮูกในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า ‘มีโชคมีลาภ’ ดังนั้นเมื่อคุณ ดลภัค ธนะพันธ์ ได้รับของฝากจากญี่ปุ่นเป็นรูปนกฮูกซึ่งมีดีไซน์น่ารักแบบญี่ปุ่น จึงหลงรักนกฮูกเป็นการส่วนตัว และเป็นที่มาของชื่อ บ้านนกฮูก ชุมชนเครือข่ายทางวัฒนธรรม เขตจอมทอง กรุงเทพฯ หนึ่งในสินค้าที่ได้รับการเชิญให้เข้าร่วมออกร้านในงาน ‘ถนนคนเดินสีลม’ Walking Street@Silom

พวงกุญแจนกฮูก  สินค้าต้นกำเนิดของ ‘บ้านนกฮูก’

เริ่มแรกจากการฝึกทำ พวงกุญแจรูปนกฮูก เพื่อหารายได้เสริมจากการเป็นพนักงานบริษัทเอกชน วางจำหน่ายครั้งแรกที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมเมื่อสามปีก่อน ได้รับการตอบรับที่ดี จึงเพิ่มสินค้าเป็น ที่เก็บพวงกุญแจ (key cover) 

เก็บกุญแจ (key cover) รูปนกฮูกและรูปสุนัข

เนื่องจากนกฮูกประกอบด้วยผ้าหลายชิ้นส่วนประกอบกัน คุณดลภัคจึงติดต่อชุมชนเพื่อให้ผู้สูงอายุที่สนใจร่วมทำชิ้นส่วนต่างๆ กระจายรายได้สู่ชุมชน และเพิ่มความหลากหลายของสินค้าเป็น เป้หลังนกฮูก พวงกุญแจรูปสุนัข หมู แมว สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบสัตว์ประเภทอื่นๆ ราคาสินค้าอยู่ระหว่าง 50-250 บาท จำหน่ายผ่านโซเชียลมีเดียและงานเทศกาลของกระทรวงวัฒนธรรม ปีนี้เป็นปีที่สี่ และขณะนี้กำลังวางแผนทำ กระเป๋าใส่เศษสตางค์ กับ ‘เสื้อยืดรูปนกฮูก’ เพิ่มเติม อยู่ระหว่างการหาเสื้อยืดคุณภาพดี

ลูกค้าสนุกกันใหญ่กับการถ่ายรูปคู่สบู่ขนมไทย (ภาพ : www.facebook.com/Ngekju's Doing Well)

ร้านที่ทำให้คนหยุดมองมากอีกหนึ่งร้านคือ สบู่ขนมไทย ชุมชนคุณธรรมวัดประสาทสิทธิ์ จ.ราชบุรี มองครั้งแรกเห็นขนมไทยหลายชนิดแบบที่ขายในตลาดวางอยู่หลายถาดดูน่ากิน แต่พอจะซื้อชิมจริงๆ หลายคนยิ้มออกมา เพราะของน่ากินที่เห็นคือสบู่

คุณ รุ้งไพลิน ภิญโทแก้ว สาวชาวราชบุรี อดีตพนักงานโรงแรมในกรุงเทพฯ และภูเก็ต เจ้าของแบรนด์ สบู่ขนมไทย by Grandmama (Thai Dessert Soap by Grandmama) เล่าที่มาของการทำสบู่ในรูปลักษณ์ขนมไทยซึ่งทำมาแล้ว 3 ปี ให้ฟังว่า

รุ้งไพลิน ภิญโทแก้ว ผู้ทำสบู่ขนมไทย

“เริ่มจากทำสบู่ใช้เองที่บ้าน เรียนรู้ด้วยตัวเอง ทำให้แม่ใช้ก่อน อยากทำให้แม่มีความสุข แม่สุข เราก็สุข เราเป็นคนชอบคิด ชอบหาวัตถุดิบธรรมชาติในชุมชนมาใช้ บ้านแพ้ว ดำเนินสะดวก มีสวนมะนาวมาก เราก็ทำสบู่น้ำมะนาวให้แม่ ทำสบู่กาแฟให้ตัวเองใช้ แต่วันหนึ่งใส่กาแฟมากเกินไป สบู่ที่ออกมาดำปี๋เหมือนขนมเปียกปูน เลยเป็นแรงบันดาลใจของการทำสบู่ขนมไทยที่วันนี้มีเกือบ 20 แบบแล้ว”

สบู่ขนมไทยของคุณรุ้งไพลินเป็นสบู่ที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ ตัวสบู่ประกอบด้วยกลีเซอริน น้ำมันมะพร้าว และสมุนไพรต่างๆ เช่น ขมิ้นชันจากร้านขายยาจีนใกล้บ้าน ชาร์โคล น้ำผึ้ง นมสด น้ำมะขามเปียก ปราศจากสารเคมีและสารเร่งฟอง ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้มีประจุไฟฟ้า ทำให้ผิวหน้ามีริ้วรอยเล็กๆ แต่สบู่ขนมไทยของคุณรุ้งไพลินมีฟองเล็กน้อย เกิดจากวัตถุดิบธรรมชาติที่เป็นส่วนผสมขของสบู่ คือ เมล็ดงา กากกาแฟ และรังไหมราชบุรี โดยเฉพาะรังไหมที่ยังจะทิ้งโปรตีนเคลือบผิวให้นุ่ม

สบู่ในรูปลักษณ์ขนมไทย อาทิ เปียกปูน ข้าวเหนียวหน้าต่างๆ วุ้นเป็ด

วางจำหน่ายชิ้นละ 55 บาท ช่วงนี้จัด เซตปีใหม่ บรรจุในกล่องกะทัดรัด 3 ชิ้น 155 บาท หรือสั่งทำจัดเป็นชุดมงคลก็มีเช่น ชุดจ่ามงกุฎสุดมงคล สมุนไพรเด่นคือขมิ้นชัน, ชุดข้าวเหนียวมูนพูนสุขสำรับ ไปจนถึงชุดน่ากิน ข้าวเหนียวมะม่วงช่วงคิมหันต์ (ขมิ้นชัน) และชุดยียวนกวนใจนิดๆ ช่อม่วงลวงใจเจ้า มีส่วนผสมของน้ำดอกอัญชัน

กระทรวงวัฒนธรรมคัดเลือก ‘สบู่ขนมไทย by Grandmama’ เป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย​ ปี​ 2562 ราชบุรี

อีกหนึ่งสินค้าที่ต่อยอดจากวัฒนธรรม คือ เชิงเทียนบูชาพระ ภายใต้ชื่อ บัวทองเหลือง ชุมชนคุณธรรมบ้านค่าย จ.พระนครศรีอยุธยา มีลักษณะคล้ายดอกบัวบานสำหรับวางเทียนไขไว้ตรงกลาง กลีบบัวโค้งมนสวยได้รูป เพิ่งทำออกจำหน่ายมาได้ 1 ปี ร่วมกันสร้างสรรค์แบรนด์โดย มณฑ์สุชาติ หอมระรื่น สาวนักคิด และ ลำพูน เต็มแป้น ช่างทำเครื่องประดับอัญมณีและเครื่องเงินที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี

มณฑ์สุชาติ หอมระรื่น กับบัวทองเหลืองประดับบ้านรูปเรือและดอกบัว

“เริ่มจากเรามีโอกาสรับงานทำยอดฉัตรรูปดอกบัว ซึ่งสวยงามมาก แต่เป็นงานเหล็ก แล้วที่บ้านทำเครื่องเงินเครื่องประดับมา 30 ปี เราก็คิดกันว่าคนไทยชื่นชอบทองเหลือง ดูมีคุณค่า น่าจะลองนำทองเหลืองมาทำเป็นเชิงเทียนไหว้พระรูปดอกบัว เรามีพื้นฐานการเชื่อมอยู่แล้ว เพราะการเชื่อมเครื่องประดับจะไม่เหมือนการเชื่อมเหล็ก” มณฑ์สุชาติ กล่าวถึงที่มาของการสร้างแบรนด์ ‘บัวทองเหลือง’

เชิงเทียนทรงดอกบัวบานสำหรับตั้งบูชาพระ

เชิงเทียนไหว้พระของ ‘บัวทองเหลือง’ โดดเด่นตรงความเนี้ยบ กลีบบัวโค้งมน-บางเนียนสวย ใบบัวมีลายเส้น เนื่องจากเป็นงานทำมือทุกชิ้น คุณลำพูนตัดแผ่นทองเหลืองเป็นรูปกลีบบัวด้วยมือ ไม่ใช่ผลิตด้วยการทำแม่พิมพ์ ตีลายด้วยมืออย่างประณีต จากเชิงเทียนไหว้พระขยายสู่การทำสินค้าตกแต่งบ้าน เช่น การใช้ทองเหลืองประกอบขึ้นเป็น ‘ปลาตะเพียน’ สัญลักษณ์หนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การนำบัวทองเหลืองจัดกลุ่มเป็นของประดับโต๊ะขนาดย่อม และวางแผนสู่การทำประติมากรรมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับประดับผนัง

ถนนคนเดินสีลม เดิน กิน ชิม เที่ยว Walking Street@Silom จัดร่วมกันโดย กรุงเทพมหานคร กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ แบ่งประเภทการออกร้านเป็นถนน 6 สาย คือ ถนนสายศิลป์ จัดแสดงงานศิลปะ กิจกรรมเปิดหมวก สตรีทโชว์, ถนนต้องชิม ร้านอาหารสตรีทฟู้ดที่มีชื่อเสียง ร้านอาหารอายุ 100 ปี, ถนนต้องชม จำหน่ายสินค้าที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่นจากทั่วประเทศ, ถนนวัยเก๋า จัดแสดงดนตรี ศิลปวัฒนธรรม สินค้าและกิจกรรมผู้สูงอายุ, ถนนต้องเดิน จัดจำหน่ายของดีของเด่นจาก 50 เขตที่มีอัตลักษณ์ของกรุเงทพฯ, ถนนคนกรุง ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์และร้านอาหารชื่อดังของกรุงเทพฯ

ปิดถนนสีลมให้เดิน ‘กิน ชิม เที่ยว’ ทั้งสองฝั่ง ตั้งแต่หัวถนนสีลมตัดถนนพระรามที่ 4 ถึงแยกนรารมย์ เวลา 12.00-22.00 น. หลังจบกิจกรรมแล้วจึงจะเปิดการจราจรจริงในช่วงเวลาประมาณ 00.00 น. กำหนดจัดให้มีขึ้น ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของทุกเดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 - พฤษภาคม 2563

รวมทั้งวันนี้...วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2562 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ที่สามของเดือนธันวาคม 2562

มีสินค้าน่าสนใจและอาหารมากมายให้เดินชิม-ช้อปไม่ต่ำกว่า 400 ร้านค้า

หมายเหตุ : ช่องทางติดต่อ

- Line Kram Saruda(ลายครามศรุดา) www.facebook.com/saruda.kantawong

- Maka(มาฆะ) www.facebook.com/maka4u

- บ้านนกฮูก ชุมชนเครือข่ายทางวัฒนธรรม เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ไลน์ @donlapakshop และ www.facebook/donlapak shop

- สบู่ขนมไทย ชุมชนคุณธรรมวัดประสาทสิทธิ์ จ.ราชบุรี www.facebook.com/Ngekju's Doing Well

- บัวทองเหลือง ชุมชนคุณธรรมบ้านค่าย จ.พระนครศรีอยุธยา โทร.09 8225 6590, Line/Facebook : บัวทองเหลืองอยุธยา