"ตลกยืนเดี่ยว" Stand-up Comedy ความบันเทิง ในโลกเสมือนจริง "Metaverse"
ตลก"ยืนเดี่ยว" กลุ่มนี้ กำลังสร้างสิ่งใหม่ๆ ในเมืองไทย เพื่อให้คนดูตามเข้าไปในโลกเสมือนจริง “เมตาเวิร์ส” (Metaverse) และเมื่อใดที่มีมาตรการผ่อนคลาย พวกเขาจะแสดงทั้ง on-site และ on line
การเล่นตลกแบบ Stand-up Comedy คนๆ เดียวมายืนเล่าเรื่องให้คนจำนวนมากฟัง ในต่างประเทศนั้นมีมานานแล้ว และมีสถานที่เฉพาะ ที่เล่นประจำ ตามผับบาร์ให้เห็นเป็นเรื่องปกติ
แต่สำหรับเมืองไทย Stand-up Comedy (ถ้าไม่นับโน้ต อุดม แต้พานิช) เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดย กตัญญู สว่างศรี ที่เริ่มต้นจัดงานแสดงของตัวเอง จากแรงบันดาลใจ และมีโชว์ใหญ่ถึง 3 ครั้ง
จากนั้นจับมือกับ แก๊ป คณีณัฐ เรืองรุจิระ ผู้บริหาร G village สร้าง ยืนเดี่ยว ให้กลายเป็นสังคมของคนที่รักและหลงใหลในการชมเดี่ยวไมโครโฟนในประเทศไทย
และนี่คือที่มาที่ไป ที่ แก๊ป คณีณัฐ Co-Founder ยืนเดี่ยว เล่าเกี่ยวกับ Stand-up Comedy ให้ฟังหลายเรื่อง...
จุดเริ่มต้นของกลุ่มยืนเดี่ยว
เริ่มต้นในปี 2019 เราอยากจัดรูปแบบ Stand-up Comedy ที่มีผู้เล่นหลายๆ คน มาเล่นอยู่ในงานเดียวกัน ในเดือนกันยายน เราเลยทำโปรเจกต์ขึ้นมา แล้วได้รู้จักกับ พี่ยู กตัญญู สว่างศรี ที่ทำสแตนด์อัพคอมเมดี้มา 4-5 ปี เรามองว่าสแตนด์อัพคอมเมดี้ในไทยทำไมไม่มีแบบเล็กๆ มาเล่นในคลับ
คนจะมองโชว์สแตนด์อัพคอมเมดี้ในเมืองไทย เป็นฮอลล์ใหญ่ๆ อารมณ์ โน้ต อุดม แต้พานิช มีคนมานั่งดู แล้วมีคนเล่นหนึ่งคน ซึ่งนี่คือยอดปิรามิดของสแตนด์อัพคอมเมดี้แล้ว ในระดับโลกคนที่สามารถเล่นโชว์ได้ถึง 3 ชั่วโมง มีแค่พี่โน้ตอุดมคนเดียว
อย่างวงการเพลง เรามี พี่เบิร์ด ธงไชย แล้วก็มีศิลปินอินดี้ต่างๆ มีคนเล่นเฉพาะด้าน หรือเล่นแค่ในคลับ อุตสาหกรรมดนตรีก็เลยมีคนหน้าใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ เกิดพัฒนาการของวงการดนตรีได้ไม่รู้จบ แต่วงการสแตนด์อัพคอมเมดี้ เราขาดข้อต่อตรงนี้ คือ ผู้เล่นหน้าใหม่
เมืองไทยเคยมี Stand Up Comedy มาก่อนไหม
เมืองไทยมีคลับสแตนด์อัพคอมเมดี้เล่นเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อว่า Live Lounge อยู่ที่สุขุมวิทซอย 11 มานานสิบปีแล้ว คนที่มาดูก็เป็นฝรั่งทำงานในเมืองไทย เป็นวัฒนธรรม(culture) หนึ่ง
ที่เมืองนอกจะมีคลับสแตนด์อัพคอมเมดี้ตามที่ต่างๆ คล้ายๆ กับไอริชบาร์ ไอริชผับ แล้วก็มีคอมเมดี้ผับ ที่ผลิตตัวผู้เล่นสแตนด์อัพคอมเมดี้หน้าใหม่ตลอดเวลา แต่บ้านเรายังไม่มี เราก็ตั้งต้นเริ่มทำสิ่งนี้ แต่ไม่ได้เริ่มต้นจากผับ เริ่มจากทำอีเวนท์รายเดือน เดือนละหนึ่งครั้ง
ส่วนใหญ่จัดแสดงที่ไหน
เผอิญว่า ผมทำโปรดักชั่น มีสตูดิโออยู่ที่ลาดพร้าวซอย 18 เราเลยตั้งต้นจากพื้นที่ที่มีอยู่ จัดกิจกรรมขึ้นมา เราเริ่มต้นก่อนโควิดนิดเดียว หลังจากนั้นก็โควิดยาวเลยครับ
ผลตอบรับเป็นอย่างไร
จัดครั้งแรกประสบความสำเร็จ(success) เลย เราเอา Comediens ที่เคยเล่น 3-4 คนมาบวกกับ ครีเอเตอร์ที่ดังอยู่ในออนไลน์ หรือยูทูบเบอร์ มาเล่น ทำให้คนที่ไม่เคยเห็น ได้รู้ว่ามันมีอยู่ แต่ไม่เคยดูเวอร์ชั่นภาษาไทย มีคนดูหลักล้านเลยฮะ เราก็โอเค. แปลว่าเรามาถูกทางแล้ว คนอยากดูสิ่งนี้ แต่มันไม่มีให้ดู
ครั้งที่สองเดือนตุลาคม ครั้งที่สามเดือนพฤศจิกายน เราเชิญ น้าเน็ก (เกต์เสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา) มาเล่น น้าเน็กเคยขึ้นโชว์ขึ้นเล่นอยู่แล้ว ส่วนเดือนตุลาคมครั้งที่สอง เรามียูทูบเบอร์ชื่อดังบวกกับคอมาเดี้ยนผสมๆ กัน เหมือนเรากินอาหารที่เลือกหลายๆ อย่างได้
ทำให้คนดูรู้ว่า เขาชอบตลกแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน มีให้เลือกเยอะ ก็ลองชิมดูว่าชอบแบบไหน แล้วก็เป็นการ educate ตลาดและคนดูไปในตัว เวลาปล่อยคลิปออกไป ทำให้เห็นว่ามีความหลากหลาย บางคนพูดเรื่องใต้สะดือ บางคนพูดเรื่องสถานะทางสังคม บางคนพูดเรื่องเพศ มันมีความหลากหลายจริงๆ ในตลก
พอเริ่มจัด 2-3 ครั้ง ก็มี ป๋าเต็ด (ยุทธนา บุญอ้อม) มาเล่น เรารวมเอาตัวเทพในวงการ แบบไหว้วาน ขอพวกเขามาช่วยรันวงการกันหน่อย เขาก็เต็มที่ คงคิดว่าในวงการต้องมีความหลากหลาย จะทำให้ตลกขับเคลื่อนไปสู่สเต็ปต่อไป พอเราจัดไปเรื่อยๆ ทั้งดาราและครีเอเตอร์มีสนใจเข้ามาเล่นมากขึ้น
ซึ่งก่อนหน้านั้น ทุกคนกลัวหมดเลยฮะ ในครั้งแรกๆ มีความกังวล มีความกลัว แต่เมื่อเราตัดคลิปออกไป ก็โอเค. เราพบว่ามันเป็นพื้นที่ของการได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ พี่ยูบอกว่ามันเป็น “โรแมนติกไซส์” ของคนเล่นคอมาดี้ คือมีโชว์ แล้วมีคนมานั่งฟังเขา มันคือโมเมนต์ที่หาไม่ได้แล้ว
จัดครั้งหนึ่งมีคนดูมากน้อยแค่ไหน
มีตั้งแต่หลัก 100 ไปจนถึง 500-600 คน เราพยายามทำให้ดูไม่น่าเบื่อ ไม่มีรูปแบบตายตัว เราจะประกาศว่ารอบนี้รับ 250 คน รอบนี้รับ 400 คน จากนั้นก็ขายบัตร ซึ่งเราก็ดูจากตัวแม่เหล็กเป็นหลัก แล้วก็เปิดขายบัตรใน Ticketmelon ช่วงแรก 250 บาท ณ วันนี้ขายอยู่ 450 บาท ไม่แพงครับ เราเอาเงินมาพัฒนาผลงาน ไม่ได้มองเรื่องกำไร
การเล่นตลกออนไลน์ แบบ Metaverse มีความเป็นมาอย่างไร
มาจากโควิดระบาดครับ กิจกรรมสแตนด์อัพคอมเมดี้ มันต้องมีคนดูมากๆ เพราะการส่งเสียงหัวเราะ ทำให้รู้ว่าเราจะเล่นอะไรต่อ โควิดทำให้กระทบกับการจัดงานทุกเดือน เคยจัดได้ ก็จัดไม่ได้ เราก็ต้องหารูปแบบใหม่ๆ บนออนไลน์ ที่จะมาตอบโจทย์ให้มันรีแอคชั่นกันได้ ก่อนหน้านี้เราเคยจัดในรูปแบบของ ZOOM ในปีที่แล้ว พบว่าไม่เวิร์ค
แล้วเราก็มาเจอ Gether.town เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว เป็นแพลตฟอร์มของอเมริกา รูปแบบเหมือนเอาเกม 8-bit ที่มีการเดิน มาบวกกับ Video Conference เมื่อเราเดินเข้าไปใกล้คน วิดีโอคอนเฟอเรนท์ของคนๆ นั้นก็จะขึ้นมาบนจอ จำลองคอมมูนิตี้การสังสรรค์ ที่เราเลือกได้ว่าเราอยากจะคุยกับกลุ่มนี้ หรือไปคุยกับกลุ่มอื่น การมีสิทธิ์ตรงนี้ทำให้รู้สึกใกล้เคียงกับชีวิตจริงมาก
เราก็ทำ Theme ขึ้นมาใน Laugh Bar บาร์ลึกลับที่สุดใน Metaverse เป็นโลกย่อมๆ เมตาเวิร์ส 0.5 ก่อนที่จะกลายเป็น 1.2 แล้วก็รันกันมา เราจัดทุกวันเสาร์ ให้สแตนอัพคอมเมดี้ 2-3 คนขึ้นเล่นต่อรอบ ฟีดแบคก็ดีนะ อาจจะไม่ได้คนดูเปรี้ยงปร้างเป็นหลักหลายร้อย แต่ได้คนดูกลุ่มที่มี Loyalty แล้วก็อยากจะดูงานใหม่ๆ
เล่นออนไลน์แบบ Metaverse มานานหรือยัง
เริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม 2564 จัดไป 6-7 ครั้งแล้ว ผู้ที่เข้ามาชมต้องเป็นสมาชิกก่อน ด้วยการสมัครในเฟซบุ๊ค 69 บาทต่อเดือน สามารถเข้าชมได้ทุกครั้ง เหตุผลที่เราตั้งราคานี้ เพราะเราคิดว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นวัยรุ่นค่อนข้างเยอะ เราอยากให้มีคนดู มีแฟนคลับ แล้วมีคนที่ชื่นชอบในสิ่งนี้จริงๆ ได้เข้ามา เราไม่ได้มองเรื่องผลตอบแทน รายได้ กำไร ตรงนั้นมากนัก
ตอนนี้มีคนสมัครเป็นสมาชิกกี่คน
ร้อยนิดๆ ครับ ทั้งคนมาแสดงและคนดูก็อยู่ที่บ้านกันหมด เป็นบาร์ที่ต้องซื้อเครื่องดื่มมากินเอง แล้วก็มาชนกัน ใครง่วงใครเมาหลับเลยไม่ต้องมารอกัน ตามสบายเพราะอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว
สถานการณ์ล่าสุดตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เราเริ่มจัดอีเวนท์ได้แล้ว จัดไปรอบหนึ่งแล้ว ต่อไปเราจะผลักดันให้คนที่เคยเล่นกับเราเมื่อก่อน 15 นาที มาเล่นเป็นหนึ่งชั่วโมง อย่างรอบวันที่ 4 ธันวาคม 2564 จะมีความสำคัญตรงที่คนขึ้นเล่นเป็นผู้หญิง คนละหนึ่งชั่วโมง ในเมืองไทยไม่มีสแตนด์อัพคอมเมดี้หญิง เราอยากผลักดันความหลากหลายในเรื่องเพศเรื่องวัย เราเชื่อว่าพอคนมีความหลากหลายความตลก มันจะทำให้วงการนี้พัฒนาต่อไปได้
และเราก็จะจัดทุกแพลตฟอร์มเลย ในพัฒนาการต่อไป เราได้กลุ่มที่เป็น Gen Z หรือ Gen ใหม่ๆ ใน Metaverse เยอะมาก ในอนาคต มันจะมีความเป็นเกม มีความสนุก เดี๋ยวนี้เด็กๆ ไม่นัดเจอกันที่สยามแล้ว เขานัดเจอกันในเมตาเวิร์ส ไปเดินชอปปิงในเมตาเวิร์ส มันจะมีแผนที่ เกมเดี๋ยวนี้เขาออกแบบให้เป็น Open World คือเราเป็นตัวละครเดินเข้าไปข้างใน
ไปเจอเพื่อนที่เป็นอวตารตัวอื่นๆ แล้วก็คุยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน อย่างเช่น Mission วันนี้ในเกมให้ขุดอะไรบางอย่าง เขาก็ชวนเพื่อนมาขุดด้วยกัน แล้วก็คุยกัน นี่คือพฤติกรรมของเด็กยุคใหม่ ซึ่งเราก็ต้องไปอยู่ตรงนั้นด้วย แต่เราต้องไม่ลืมว่าในโลกปกติ มีอีเวนท์ ให้กลุ่ม Gen Y, Gen X, และ Gen อื่นๆ ที่มีความชื่นชอบที่จะมาเจอหน้ากันเป็นหลัก แล้วเราก็จะ run ทั้งสองโลกไปด้วยกันเลย
...........................
ผู้ที่สนใจสามารถดู “ยืนเดี่ยว” ย้อนหลังได้ทุกแพลตฟอร์ม และสมัครสมาชิกได้ที่ www.standaloneco.com
