วิจิตรอัตลักษณ์ พระปรางค์ วัดอรุณฯ ไทยเตรียมดันขึ้นมรดกโลก

พระปรางค์ วัดอรุณฯ แนวคิดการสร้าง - สถาปัตยกรรม 369 ปี ไทยเสนอสู่บัญชีชั่วคราว เตรียมดันขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก คืบหน้าเอกสาร ‘วัดพระมหาธาตุฯ’ ถึงศูนย์มรดกโลกเรียบร้อย
ความวิจิตรพิสดารของงานศิลปกรรมชนิดหาที่ใดในโลกเสมอเหมือนไม่มีของสถาปัตยกรรม พระปรางค์ วัดอรุณฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรีของกรุงเทพฯ สร้างอัตลักษณ์ให้กับประเทศไทย ดึงดูดความสนใจคนทั่วโลกให้มาเห็นกับตาสักครั้ง
พระปรางค์ วัดอรุณฯ มีอายุมากกว่า 369 ปี ตามเอกสารของ ‘กรมศิลปากร’ ระบุว่า ตามหลักฐานเท่าที่ปรากฏมีเพียงว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีมาก่อนรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199-2231) เพราะมีแผนที่ซึ่งชาวฝรั่งเศสทำขึ้นไว้เป็นหลักฐานดังกล่าวมา
“ในวัดนี้เอง ยังมีพระอุโบสถและพระวิหารของเก่าอยู่ ณ บริเวณหน้าพระปรางค์ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือช่างสมัยอยุธยา (1)”
วัดอรุณราชวราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เนื่องจากมีเจดีย์สถานบรรรจุพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 8 จึงมีชื่อเต็มว่า วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมวัดนี้เรียก ‘วัดมะกอก’ สันนิษฐานว่าเป็นบริเวณที่มีต้นมะกอกมากมาย แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น ‘วัดแจ้ง’ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ แล้วพระราชทานชื่อใหม่ว่า ‘วัดอรุณราชธาราม’ และมีศักดิ์เป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์
ถึงรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมอีก แล้วเปลี่ยนชื่อวัดเป็น ‘วัดอรุณราชวราราม’
แนวคิดการสร้าง พระปรางค์ วัดอรุณฯ
พระปรางค์ วัดอรุณฯ มีแนวคิดและการวางผังการก่อสร้างโดยจำลองแบบมาจาก ภูมิจักรวาล โดย ‘พระปรางค์องค์ประธาน’ เปรียบเสมือน เขาพระสุเมรุ หรือ สิเนรุราชบรรพต ซึ่งเป็นแกนกลาง หรือศูนย์กลางของจักรวาล
เขาพระสุเมรุ เป็นที่สถิตของเทพเจ้า ประกอบด้วยสวรรค์ 6 ชั้น รูปพรหม 16 ชั้น และ อรูปพรม 6 ชั้น
ในบรรดาสวรรค์ 6 ชั้นนั้น ที่ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีไพชยนต์ปราสาทตั้งอยู่กลางนครไตรตรึงษ์ อันเป็นที่ประทับของพระอินทร์ ดังปรากฏรูป ‘พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ’ ที่ซุ้มปรางค์ประธานทั้ง 4 ทิศ
ถัดจากแกนกลางนอกเขาพระสุเมรุ ล้อมรอบด้วย ทะเลสีทันดร ซึ่งเป็นทะเลน้ำจืด สลับกับ เขาสัตบริภัณฑ์ อย่างละ 7 ชั้น
ถัดจาก ‘เขาสัตบริภัณฑ์’ ออกไป เป็นมหาสมุทร ที่เรียกว่า โลณสาคร หรือทะเลน้ำเค็ม ในโลณสาคร มีทวีปใหญ่อีก 4 ทวีป โดยมีแผ่นดินเล็กๆ หรือเกาะอีก 500 เป็นบริวาร
โดย ‘ปรางค์ทิศ’ หรือปรางค์บริวารของปรางค์ประธาน วัดอรุณฯ เปรียบได้กับ ทวีปใหญ่ ทั้ง 4 ทวีป ได้แก่ บูรพวิเทห์ทวีป อุตตรกุรุทวีป อมรโคยานทวีป และ ชมพูทวีป
แต่บ้างก็ว่า ‘ปรางค์ทิศ’ อาจหมายถึง เขายุคนธร ทั้ง 4 ทิศ ซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองใหญ่ 4 เมืองของท้าวมหาราชทั้ง 4 หรือท้าวจตุโลกบาล
ระหว่างกลางทวีปใหญ่ทั้ง 4 ยังมีทวีปเล็กอีก 4 ทวีป เรียกว่า ยุปรทวีป โดยมีเขาจักรวาลล้อมรอบทะเลทั้งหมดนี้ไว้ เป็นกำแพงจักรวาล
สถาปัตยกรรม พระปรางค์ วัดอรุณฯ
เดิมพระปรางค์ วัดอรุณฯ ซึ่งสร้างขึ้นราวสมัยกรุงศรีอยุธยา สูง 8 วา หรือ 16 เมตร ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2363 ทรงมีพระราชประสงค์เสริมสร้างพระปรางค์ให้สูงใหญ่ขึ้นเป็นพระมหาธาตุสำหรับพระนคร(2)
ทรงเห็นว่าพระปรางค์องค์ดั้งเดิมที่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา อาจเป็นพระปรางค์ที่มีความสำคัญและได้รับการเคารพนับถือสืบเนื่องมาเนิ่นนานแล้ว
ดังนั้น การสร้างพระปรางค์องค์ใหม่ครอบทับองค์ดั้งเดิมที่มีความสำคัญมาแต่เดิมนี้ จึงเป็นการสืบต่อความเป็นศูนย์กลางความศรัทธาดังกล่าวให้มีต่อเนื่องไป
แต่รัชกาลที่ 2 ทรงทำได้เพียงกะที่ขุดรากเตรียมไว้เท่านั้น ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน (3)
รัชกาลที่ 3 จึงทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการสร้างต่อ และเสด็จฯ ไปทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2385 จนแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2394 ใช้เวลารวมกว่า 9 ปี
พระปรางค์ วัดอรุณฯ ได้รับการบูรณะเสมอมา โดยรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระปรางค์ครั้งใหญ่ ซึ่งก็คือแบบที่เห็นในปัจจุบัน องค์พระปรางค์ประธานมีความสูงจากฐานถึงยอด 81.85 เมตร ความกว้างสัณฐานราว 234 เมตร
องค์พระปรางก่ออิฐถือปูน ประดับด้วย ชิ้นเปลือกหอย กระเบื้องเคลือบ จานชามเบญจรงค์สีต่างๆ เป็นลวดลายดอกไม้ ใบไม้ และลายอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน เป็นจำนวนมหาศาล
นอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งด้วย ประติมากรรมกินนร กินรี ยักษ์ เทวดา พญาครุฑ ส่วนยอดบนสุดของพระปรางค์ติดตั้ง นภศูล เหล็กแหลมเก้าปลาย องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมไทยส่วนปลายสุดของเครื่องยอด ในเชิงความหมายน่าจะหมายถึง ‘ตรีศูล’ อาวุธประจำกายของพระอิศวร (4)
เสนอ “พระปรางค์ วัดอรุณฯ” สู่บัญชีชั่วคราว เตรียมดันขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
19 มีนาคม 2568 ข่าวจาก กรมศิลปากร ระบุว่า นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม ครั้งที่ 1/2568
โดยมีนางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้ทรงคุณวุฒิและอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ศูนย์ประชุม ชั้น 8 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม และผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม ครั้งที่ 1/2568 ที่ประชุมได้พิจารณาในวาระต่างๆ ดังนี้
- การนำเสนอพระปรางค์ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อขอบรรจุเข้าสู่บัญชีชั่วคราว (Tentative List) ในชื่อ "พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin)" ซึ่งเป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนาประเภทพระปรางค์ที่มีความโดดเด่นที่สุด เป็นอัตลักษณ์หนึ่งเดียวของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย
- คุณสมบัติที่เลือกนำเสนอตรงตาม เกณฑ์มรดกโลกข้อที่ 1 และข้อที่ 2 คือ เป็นผลงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชิ้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระปรางค์ในศิลปะอยุธยา และพัฒนามาเป็นลักษณะเฉพาะของพระปรางค์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในสมัยรัตนโกสินทร์
“ขั้นตอนการนำเสนอแหล่งมรดกเพื่อขอบรรจุรายชื่อในบัญชีชั่วคราว หลังจากนี้ต้องเสนอให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบก่อนนำเสนอเอกสารไปยังศูนย์มรดกโลก เพื่อให้รับรองบรรจุรายชื่อในบัญชีเบื้องต้น ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ช่วงเดือนมิถุนายน 2568 นี้” รมว.วธ. กล่าว
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้พิจารณากำหนดกรอบเวลาการนำส่ง เอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกฉบับสมบูรณ์ (Nomination Dossier) ของ 'แหล่งมรดกวัฒนธรรม' ในบัญชีชั่วคราว
เนื่องจากการส่งเอกสารฯ (Nomination Dossier) รอบวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569 จะเป็นปีสุดท้าย ก่อนปรับเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ที่ต้องมีการประเมินขั้นต้น (Preliminary Assessment)
ประกอบกับข้อกำหนดที่ให้ รัฐภาคีสามารถนำเสนอแหล่งเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกได้เพียงปีละ 1 แหล่ง และจำกัดจำนวนแหล่งที่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเพื่อพิจารณาการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลกปีละไม่เกิน 33 แหล่ง
คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม จึงพิจารณากำหนดกรอบเวลาในการนำส่งเอกสารฯ ของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่จะเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาภายในประเทศอย่างเป็นธรรม
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีแหล่งมรดกวัฒนธรรมในบัญชีชั่วคราว 4 แหล่ง ได้แก่
- กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด
- อนุสรณ์สถาน แหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา
- พระธาตุพนม กลุ่มสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้อง
- สงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา
รมว.วธ. กล่าวว่า นอกจากนี้ ฝ่ายเลขาฯ ได้รายงานต่อที่ประชุมให้รับทราบ 2 เรื่อง ดังนี้
เรื่องที่ 1 คือ การส่งเอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกฉบับสมบูรณ์ของแหล่ง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปยังศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส รอบวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าปัจจุบันศูนย์มรดกโลกได้ส่งสำเนาเอกสารฯ ดังกล่าวไปยัง สภาการโบราณสถานสากล (ICOMOS) องค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งเป็นขั้นตอนกระบวนการตรวจประเมินแหล่งที่ขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
โดยศูนย์มรดกโลกแจ้งให้ประเทศไทยเตรียมความพร้อมสำหรับลงพื้นที่ของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจประเมินศักยภาพและการบริหารจัดการแหล่งและอาจมีการขอข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียนมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2569
เรื่องที่ 2 คือ ภารกิจการลงพื้นที่ของผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแนะนำกรณี การประเมินผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก นครประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา จากโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงสถานีอยุธยา เมื่อเดือนมกราคม 2568 โดยได้ประชุมรับฟังข้อมูลร่วมกับทุกภาคส่วน
ข้อแนะนำเบื้องต้นของผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ ปรับปรุงรูปแบบโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ปรับลดขนาดและความสูงสถานีรถไฟความเร็วสูงและสันรางลง พร้อมทั้งเลื่อนตำแหน่งที่ตั้งอาคารสถานีรถไฟความเร็วสูงให้มีระยะห่างจากสถานีรถไฟอยุธยาที่เป็นโบราณสถานมากขึ้น
นอกจากนี้ ผลักดันแผนปฏิบัติการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่ถูกจัดเป็นแผนระดับ 3 ให้เป็นที่รับรู้ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน ซึ่ง 'กรมศิลปากร' จะประสานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
กรมศิลปากรยังได้ประชุมหารือกับ 'กรมโยธาธิการและผังเมือง' เพื่อปรับปรุงผังเมืองรวมพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะพื้นที่ด้านทิศตะวันออกของเกาะเมืองหรืออโยธยา ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงสถานีอยุธยาให้เป็นพื้นที่การอนุรักษ์โบราณสถานและปกป้องรักษาคุณค่าโดดเด่นระดับสากล (OUV) แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
อ้างอิง :
(1) ประวัติวัดอรุณราชวราราม พร้อมด้วยแผนผังภาพปูชนียวัตถุสถานและถาวรวัตถุ, กรมศิลปากร, ปีที่พิมพ์ 2511
(2) เรื่องตำนานวัตถุสถานต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา หน้า 49-50
(3) พระปรางค์วัดอรุณ, ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป นานาสาระ
(4) ฐานข้อมูลแหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
ภาพ : กรมศิลปากร และ ศูนย์ภาพเนชั่น