“Seventeen” จัดคอนเสิร์ตในไทยอย่างยิ่งใหญ่ คว้าเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1
“Seventeen” บอยแบนด์แถวหน้าของเกาหลี กลับมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทยอย่างยิ่งใหญ่กับ “SEVENTEEN WORLD TOUR [BE THE SUN] LIVE IN BANGKOK” หลังจากห่างหายไปถึง 3 ปี จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1
“Seventeen” (เซเวนทีน) บอยแบนด์ตัวท็อปของวงการ K-POP เจ้าของสถิติศิลปินกลุ่มแรกที่มียอดพรีออเดอร์อัลบั้มกว่า 2,000,000 ชุด กลับมาจัดแสดงคอนเสิร์ตในเมืองไทยอีกครั้ง ในชื่อว่า “SEVENTEEN WORLD TOUR [BE THE SUN] LIVE IN BANGKOK” เมื่อวันที่ 1-2 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
งานนี้ Seventeen ขนเพลงฮิตและโชว์สุดอลังการมาแสดงให้กับ “กะรัต” (ชื่อแฟนคลับ) ชาวไทยได้หายคิดถึงกันอย่างจุใจกว่า 3 ชั่วโมง พร้อมลูกอ้อนที่เป็นภาษาไทยทำเอาแฟนคลับเอ็นดูกันทั้งฮอลล์ และยังทำให้ #BETHESUNinBKK ทะยานติดเทรนด์อันดับ 1 ในทวิตเตอร์ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 ต.ค. ต่อเนื่องมาจนถึงวันจันทร์ที่ 3 ต.ค.
คอนเสิร์ตในครั้งนี้เริ่มต้นด้วยเพลง “HOT” ซิงเกิลหลักสุดร้อนแรงจากอัลบั้ม “BE THE SUN” ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดได้ตั้งแต่ที่สมาชิกของวง “Seventeen” ทั้ง 13 คน ได้แก่ “เอสคูปส์” (S.Coups) “จองฮัน” (Jeonghan) “โจชัว” (Joshua) “จุน” (Jun) “โฮชิ” (Hoshi) “วอนอู” (Wonwoo) “อูจี” (Woozi) “ดิเอท” (The8) “ดีเค” (DK) “มินกยู” (Mingyu) “ซึงกวาน” (Seungkwan) “เวอร์นอน” (Vernon) และ “ดีโน” (Dino) เปิดตัวบนเวที
(จากซ้ายไปขวา) จุน, เอสคูปส์, ดิเอท, มินกยู, อูจี, โฮชิ, โจชัว, ดีเค, ดีโน, วอนอู, ซึงกวาน, จองฮัน, เวอร์นอน
ก่อนที่จะต่อด้วยเพลง “March” และ “HIT” อีกหนึ่งเพลงฮิตที่สุดของวง ซึ่งทั้ง 13 หนุ่มก็ไม่ทำให้กะรัตผิดหวัง ร้องเต็มที่ เต้นสุดแรง สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมตั้งแต่เริ่มคอนเสิร์ต จากนั้นหนุ่ม ๆ ก็ทักทายแฟนคลับทีละคน ต่างคนต่างก็พกเอาวลีเด็ดภาษาไทยมาใช้ด้วย แต่ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้จากแฟนคลับได้มากที่สุด คงจะหนีไม่พ้น มินกยู ที่แทนตัวเองว่า “มะม่วง” เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าตัวชอบกินมะม่วงไทยเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งเขายังเคยเป็นนักแสดงรับเชิญในซิตคอมเรื่อง “หลวงตามหาชน” ในบทบาทของ น้องมะม่วง อีกด้วย
การแสดงในเซ็ตที่ 2 ยังคงความร็อคสุดมันด้วยเพลง “Rock With You” หนึ่งในเพลงฮิตของปีที่แล้ว ตามมาด้วยเพลง “2 Minus 1” ของสองหนุ่ม โจชัวและเวอร์นอน ปล่อยพลังความสนุก จนแฟน ๆ ต้องโยกหัวตาม โดยเพลงนี้ยังเป็นเพลงที่ทั้งคู่ร่วมกันแต่งเนื้อร้องอีกด้วย
สำหรับการแสดงเซ็ตที่ 3 นั้นจะเป็นการแบ่งยูนิตย่อยตามความถนัดของแต่ละคน คือ ยูนิตฮิปฮอป ได้แก่ เอสคูปส์, วอนอู, มินกยู และ เวอร์นอน ส่วนยูนิตโวคัล ได้แก่ จองฮัน, โจชัว, อูจี, ดีเค และ ซึงกวาน และยูนิตเพอร์ฟอร์แมนซ์ ประกอบไปด้วย โฮชิ, จุน, ดิเอท และ ดีโน
เริ่มจากทีมเพอร์ฟอร์แมนซ์ ที่เลือกเพลง “Moonwalker” และ “Wave” มารีอะเรนจ์ใหม่ ทำให้ได้ความสามารถทั้งการเต้นที่พร้อมเพรียง การจัดระเบียบร่างกายที่สวยงามของทั้ง 4 หนุ่ม แต่ขณะเดียวกันเสียงร้องก็ไม่มีตก
จากนั้นส่งไม้ต่อให้กับทีมโวคัล มาโชว์พลังเสียงในเพลง “Come To Me” และ “Imperfect Love” ซึ่งทั้ง 5 หนุ่มก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ร้องสดได้ดีราวกับเปิดแผ่นเอาไว้ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้เหล่ากะรัตได้ร่วมกันร้องท่อนฮุกครั้งสุดท้ายของเพลง Imperfect Love อีกด้วย ซึ่งต้องบอกเลยว่ากะรัตไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก สามารถร้องตามกันได้ทั้งฮอลล์
ส่วนยูนิตฮิปฮอปหนุ่มๆ ก็มาในเพลง “GAM3 BO1” ที่แฟนคลับต่างร้องท่อนฮุคกันได้อย่างพร้อมเพรียง ตามมาติดๆ กับเพลง “Back It Up” โชว์สกิลแร็ปสุดมัน พาให้กะรัตทั้งฮอลล์โยกตามกันแบบสุดตัว
ในเซ็ตที่ 4 ทั้ง 13 คนกลับมารวมตัวกันบนเวทีอีกครั้งในชุดหมีสีแดง พร้อมกับเพลงชาติสุดฮิตแสนสนุกของวงที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักอย่าง “Mansae” เพลงซน ๆ ที่หลายคนคิดถึง “Left & Right” เพลงที่กลายเป็นมีม และ “Very Nice” เพลงที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยพลังที่ทั้ง 13 หนุ่มส่งมาให้แฟนคลับอย่างล้นเหลือ ทำเอาคนในฮอลล์สนุกตามไปด้วย แม้จะไม่ได้ลุกจากที่นั่งแต่ก็เหนื่อยเอาเรื่องทีเดียว
หลังจากจบวีทีอาร์ ทั้ง 13 หนุ่มกลับมาบนเวทีอีกครั้ง ในชุดสีดำเงินด้วยเพลงเซ็กซี่แต่แข็งแรงอย่าง “Shadow” และ “Crush” ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากกะรัตจนฮอลล์แทบแตก ก่อนจะจบคอนเสิร์ตด้วยซิงเกิ้ลล่าสุดอย่างเพลง “_World” ที่แสนสดใสและน่ารัก หนึ่งในเพลงโปรดของใครหลายคน
ถึงแม้เอสคูปส์ หัวหน้าวงจะบอกว่า _World เป็นเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ตแต่แฟนเพลงต่างรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่ตอนจบของคอนเสิร์ต ทุกคนยังคงนั่งรอประจำที่นั่งไม่ลุกไปไหน เพื่อรอการแสดง Encore ในระหว่างนั้นกล้องก็จับภาพไปยังเหล่าป้ายกระดาษที่กะรัตตั้งใจทำมาเชียร์เมนของตัวเอง ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นรูปหล่อ ๆ และข้อความซึ้ง ๆ ไปจนถึงภาพหลุด ๆ แสนแกง เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ทั่วทั้งฮอลล์
เพียงไม่นานทั้ง 13 คนปรากฏตัวขึ้นบนเวทีอีกครั้งในเสื้อผ้าที่เป็นสินค้าที่ระลึกของคอนเสิร์ต (Merchandise) ในเพลง “Darl+ing” เพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกของวง ก่อนที่จะให้สมาชิกของวงแต่ละคนบรรยายความรู้สึก พูดความในใจที่มีต่อคอนเสิร์ตในครั้งนี้ และการกลับมาแสดงในเมืองไทยอีกครั้ง โดยทั้ง 13 คนต่างกล่าวขอบคุณกะรัตชาวไทยที่อดทนรอคอยที่จะได้พบกันอีก พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังงานบวกที่กะรัตทุกคนส่งมาให้ ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขาอยากทำโชว์ดี ๆ ให้ได้ชมกัน และสัญญาว่าจะกลับมาอีกแน่นอนในเวทีที่ใหญ่ขึ้น ระหว่างนี้ที่ไม่ได้เจอกัน ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพรอวันที่จะได้พบกันอีกในอนาคต
จากนั้น Seventeen ได้แสดงเพลง “Our Dawn Is Hotter Than Day” อีกหนึ่งเพลงที่มีความหมายดี ๆ จากใจของทั้ง 13 คนที่ส่งต่อให้เหล่าแฟนคลับ ตามมาด้วยการถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับทุกคนในคอนเสิร์ต และแสดงเพลง “Snap Shoot” ซึ่งเป็นธรรมเนียมของเพลงนี้ที่หลังจากจบเพลงแล้ว จะต้องเรียกสมาชิกของวงออกเต้นท่อนฮุคของเพลงแบบฟรีสไตล์ทีละคน รวมไปถึงให้แฟนคลับได้เต้นเพลงนี้ด้วย กะรัตไทยไม่ทำให้ Seventeen ผิดหวัง ต่างเต้นจัดเต็มจนศิลปินงง
ปิดท้ายคอนเสิร์ตอย่างแท้จริงกับเพลงชาติของวงอย่าง Very Nice ที่ศิลปินต่างวิ่งไปทั่วเวทีเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเหล่ากะรัตให้ได้มากที่สุด พร้อมกับชวนให้ผู้ชมทุกคนลุกขึ้นแล้วกระโดดไปพร้อมกัน ซึ่งแม้ว่า Very Nice จะเป็นเพลงสุดท้าย แต่ Seventeen ก็ร้องวนอยู่หลายรอบ เมื่อศิลปินไม่จบ มีหรือที่แฟนคลับจะยอม ทุกคนต่างสนุกและซึมซับบรรยากาศของความสุขนี้ไปอย่างเต็มที่ ก่อนที่ศิลปินจะพากันกลับไปที่กลางเวทีโค้งคำนับให้กับผู้ชม เป็นอันปิดฉากคอนเสิร์ตอย่างแท้จริง
ตลอดระเวลา 3 ชั่วโมงของคอนเสิร์ต Seventeen จัดเต็มในทุกการแสดง ทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งโชว์ ทุกคนสามารถแสดงได้อย่างพร้อมเพรียงและสวยงาม ราวกับเป็นคน ๆ เดียวกัน สมกับฉายา “King of synchronization” ในพาร์ทการพูดคุยกับแฟนคลับทุกคนก็ทำได้อย่างดี มีครบทั้งมุกโบ๊ะบ๊ะ เรียกเสียงฮาจากคนทั้งฮอลล์ ลีลาการอ้อนจนเหล่ากะรัตต้องร้อง “งู้ยยยย”
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่คุ้มค่าการรอคอยกว่า 3 ปี และจะอยู่ในใจของเหล่ากะรัตไปอีกนานเท่านาน และรอคอยที่จะสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันใหม่ใหม่ในคอนเสิร์ตครั้งหน้า ดังท่อนหนึ่งของเนื้อเพลง “Us, Again” เพลงที่พวกเขาตั้งใจแต่งให้เหล่ากะรัตทั่วโลกในช่วงที่ไม่ได้เจอกันเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19
우리 다시 함께노래하는 그때, 그날까지
จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่พวกเราได้ร้องเพลงกันอีกครั้ง
너를 향한 이 길은 끝나지 않을 거야
เส้นทางที่พาผมไปเจอคุณไม่มีวันสิ้นสุดลง
모든 이유와 이 길이 아름다운 건 네가 있어서
คุณเป็นเหตุผลที่ทำให้เส้นทางนี้สวยงาม
이 길의 끝에서 반환점 마저 지나면
เมื่อถึงจุดเปลี่ยนที่สิ้นสุดของถนนสายนี้
네가 더는 지치지 않게 내가 내가 널 지켜 줄게
ผมจะปกป้องคุณเอง คุณจะไม่เหนื่อยล้าอีกต่อไป
혹여 무슨 일 있어도 우리 다시 만날 거야…
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะได้พบกันอีก