ชาวเมกันพร้อมยกเลิก 'สตรีมมิง' หากราคาแพงจนรับไม่ไหว ไม่ให้แชร์รหัส
ชาวสหรัฐเสียเงินค่าบริการสมัครสมาชิกในแต่ละเดือนโดยเฉลี่ย 91 ดอลลาร์ และเกือบครึ่งเสียเงินเพราะลงทะเบียนทดลองใช้งานฟรีแต่ลืมยกเลิก
KEY
POINTS
- คนรุ่นมิลเลนเนียลมีค่าใช้จ่ายสมัครสมาชิกรายเดือนสูงที่สุด ที่ 119 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยสาเหตุหลักมาจากการลืมยกเลิก หลังจากทดลองใช้ฟรี
- ปัจจุบันชาวอเมริกันถึง 95% ที่ต้องจ่ายค่าบริการสตรีมมิงมากกว่าหนึ่งบริการ และยินดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อจะได้ไม่ต้องดูโฆษณา
- แต่หากค่าสมาชิกรายเดือนมีราคาเพิ่มขึ้นอีก หรือบังคับไม่ให้แชร์รหัสร่วมกัน ก็พร้อมที่จะยกเลิกสมาชิก
รูปแบบการเสพสื่อของคนแตกต่างไปจากเดิม หันมาใช้บริการสตรีมมิงต่าง ๆ มากขึ้น แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ค่าบริการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคต้องเสียค่าสมัครสมาชิกรายเดือนหรือรายปีเพิ่มขึ้น และหลายคนไม่ได้สมัครเพียงแค่บริการเดียว ยิ่งทำให้ต้องเสียเงินมากกว่าเดิมโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัว
CNET สำนักข่าวเทคโนโลยี ทำการสำรวจถามผู้บริโภคชาวสหรัฐ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่เสียให้แก่บริการต่าง ๆ ไปจนถึงสาเหตุที่ยอมเสียเงินสมัครบริการ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 48% ลืมยกเลิกสมัครสมาชิก หลังจากทดลองใช้ฟรี ทำให้ต้องเสียเงินค่าบริการรายเดือน บางคนยอมรับว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยปีละหลายครั้ง ซึ่งช่วงวัยที่ “ขี้ลืม” มากที่สุด คือ คนรุ่นมิลเลนเนียล (65%) และชาวเจน Z (59%)
ผลสำรวจยังพบว่า คนรุ่นมิลเลนเนียลมีค่าใช้จ่ายสมัครสมาชิกรายเดือนสูงที่สุด โดยอยู่ที่ 119 ดอลลาร์ต่อเดือน ผู้บริโภคเกินครึ่งหนึ่งยังคงจัดการค่าใช้จ่ายสำหรับการสมัครสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นการหาทางเลือกที่ถูกกว่า (31%) หยุดการสมัครสมาชิกตามความจำเป็น (24%) และการรวมกลุ่มการสมัครสมาชิก (17%)
อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงนำทำให้สินค้าและบริกาหรหลายอย่างขึ้นราคา ซึ่งรวมไปถึงค่าสมัครบริการรายเดือนต่าง ๆ ทั้งจากต้นทุนการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ การสำรวจของ CNET พบว่า 67% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้ว่าบริการอย่างน้อยหนึ่งเจ้ามีราคาเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างเช่น ในปี 2548 Amazon Prime เปิดตัวด้วยราคา 79 ดอลลาร์ต่อปี จากนั้นขยับเป็น 99 ดอลลาร์ในปี 2557 และขยับเป็น 119 ดอลลาร์ในปี 2561 จนกลายเป็น 139 ดอลลาร์ในปี 2565 ในช่วงเวลานั้น เงินดอลลาร์สูงขึ้นประมาณ 50%
ด้วยค่าสมัครที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ตอบแบบสอบถามราว 10% กล่าวว่าการสมัครสมาชิก “เกินงบ” ของพวกเขา แต่ก็ยังต้องสมัครอยู่ดี ขณะที่ 24% รู้สึกว่าจ่ายเงินค่าสมัครสมาชิกมากเกินไป อีก 25% ต้องยกเลิกการสมัครสมาชิกอย่างน้อย 1 แอปพลิเคชัน เนื่องจากราคาสูงขึ้นและพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้อีกต่อไป
95% จ่ายสำหรับบริการสตรีมมิงมากกว่าหนึ่งบริการ
ตามการสำรวจของ Forbes Home ปัจจุบันชาวอเมริกันถึง 95% ที่ต้องจ่ายค่าบริการสตรีมมิงมากกว่าหนึ่งบริการ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจาก 86% ในปี 2566 โดย 48.9% ของผู้ตอบแบบสอบถามสมัครบริการ 3 เจ้าพร้อมกัน แนวโน้มนี้ตอกย้ำให้เห็นว่าการบริโภคสื่อดิจิทัลของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไป ซึ่งผู้ชมไม่เลือกดูแต่คอนเทนต์ที่ต้องการ แต่ยังดูแลจัดการคอนเทนต์ที่พวกเขาดูในแต่ละแพลตฟอร์มอีกด้วย
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกสมัครสมาชิกบริการต่าง ๆ เพราะไม่ต้องการดู “โฆษณา” ผู้ชมจึงเต็มใจที่จะเสียเงินเพิ่ม เพื่อไม่ต้องทนดูโฆษณา ค่านิยมนี้ยิ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในความคาดหวังและความอดทนของผู้ชม โดยมีผู้บริโภคเพียงประมาณ 24.3% เท่านั้นที่ยังคงทนดูโฆษณา ซึ่งอาจเป็นเพราะ “ราคา” ที่ถูกกว่า
ราคาค่าสมัครรายเดือนของผู้ให้บริการต่าง ๆ ยังคงมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ 90% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าพวกเขาจะยกเลิกการสมัครสมาชิกสตรีมมิง หากราคาที่สูงขึ้น และบังคับไม่ให้แชร์รหัสผ่านกัน
โดยบริการ 3 อันดับแรกที่ผู้บริโภคพร้อมจะยกเลิกหากมีราคาสูงขึ้นหรือไม่สามารถแชร์รหัสได้ คือ Disney+ (44%) Hulu (40%) และ ESPN+ (35%) ความรู้สึกนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะบริการสตรีมมิงเจ้าใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงแพลตฟอร์มขนาดเล็กเช่น AMC+, Starz และ Paramount+ ที่ผู้บริโภคพร้อมจะยกเลิกอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคต้องการราคาที่สมเหตุสมผลและมีการแบ่งปันกับคนอื่น ๆ ได้
ขณะที่ จานา อาร์บานาส รองประธานของ Deloitte เครือข่ายบริการระดับมืออาชีพ กล่าวว่า “บริการสตรีมมิงมาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว การหาคอนเทนต์ยอดเยี่ยมไม่สามารถดึงดูดผู้ชมได้อีกต่อไป จำเป็นต้องให้ผู้ชมสามารถจัดการกับประสบการณ์ต่าง ๆ อย่างเป็นส่วนตัวและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากขึ้น”
จานากล่าวเสริมว่า “สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักที่ช่วยให้ผู้ชมพบกับความบันเทิงต่าง ๆ ดังนั้นผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงต้องแน่ใจว่าคอนเทนต์ของพวกเขาจะสามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมที่หลากหลาย ส่งเสริมและส่งต่อความรู้สึกของชุมชน จนเกิดการเชื่อมต่อทางสังคมได้”