‘วิไลพร ชัยแสงจันทร์’ สู่ คลินิก รักษ์ ‘กระเป๋าแบรนด์เนม’
เพราะรัก ‘กระเป๋าแบรนด์เนม’ สะสมเกือบ 200 ใบ หลังเลิกงานเช็ดถูดูแลกระเป๋า ทำพังไปแล้วก็หลายใบ จึงคิดซื้อแฟรนไชส์ หมายมีความรู้มาดูแลกระเป๋า จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจ ‘Bag Studio Thailand’
‘วิไลพร ชัยแสงจันทร์’ เรียนจบ Diploma ที่ YWCA Secretarial School (Bangkok) ภายหลังเรียนต่อปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พอเรียนจบด้านเลขาฯ เข้าทำงานในโรงฟอกหนัง ของพี่ชาย ก็เลยมีความรู้เรื่องของหนังสัตว์ต่างๆ และด้วยความที่รักชอบสะสมกระเป๋าแบรนด์เนม หลังเลิกงานกลับบ้าน ก็จะนำกระเป๋าออกมาดูแล ทำความสะอาด
แต่บางครั้งก็ผิดพลาดทำกระเป๋าสุดรักพังเสียหายไปแล้วหลายใบ เธอคิดว่าทำอย่างไร จะได้ดูแลกระเป๋าเหล่านี้อย่างถูกวิธี ก็เลยคิดจะซื้อแฟรนไชส์ เปิดร้านดูแลกระเป๋า หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม สปากระเป๋า เผื่อว่าจะได้มีความรู้ดูแลอย่างถูกวิธี
“เมื่อก่อนเราก็ไม่รู้ ซื้อน้ำยาทำความสะอาดกระเป๋ามาหลายยี่ห้อ เก็บไว้เต็มกระบะใหญ่ หมดเงินไปไม่รู้กี่แสน ก็เลยมีความสนใจในธุรกิจการทำความสะอาดกระเป๋าแบรนด์เนม
พอดีพี่ชายอยู่วงการหนัง อยู่แล้ว และเขามีโรงงานเย็บกระเป๋าส่งออก เพื่อนๆที่เป็นนักธุรกิจชาวฮ่องกง สิงคโปร์ ก็บอกว่า ถ้าน้องสาวสนใจจะซื้อแฟรนไชส์ ต้องของมาดามคนนี้เลยเป็นชาวเกาหลี และมาเปิดสาขาอยู่ที่สิงคโปร์ด้วย เราใช้เวลาไปทำความรู้จัก พูดคุยกับเขากว่า 2 ปี จนสนิทกลายเป็นเพื่อนกัน
คุณเมี่ยง-วิไลพร ชัยแสงจันทร์
เขาถามว่าถ้าเซ็นต์สัญญาแล้วจะให้ใครเป็นคนมาเรียน พอบอกว่าเรามาเรียนเอง เขาถึงตกลง ถ้าเราส่งใครไปเรียนเขาไม่โอเค เราไปฝึกงานที่สิงคโปร์เป็นเดือน ทำทุกอย่างเหมือนเป็นพนักงานของเขา อันดับแรกเขาจะทดสอบความรู้เราก่อนว่าเรามีความรู้แค่ไหน
เช่นรู้จักหนังไหม สบายมากเพราะเราทำงานที่โรงฟอกหนังมา 9 ปีตอบได้หมดว่านี่คือหนังอะไร” วิไลพร ชัยแสงจันทร์ เล่าต่อไปว่า
ระหว่างฝึกงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ที่น่าประทับใจก็คือ มีลูกค้าท่านหนึ่งนำกระเป๋า Coach รุ่นลิมิเต็ด ความพิเศษคือมีหนังสัตว์รวมกันหลายชนิดมาก อาทิ หนังเสือ หนังจระเข้ หนังหมู หนังวัว ม้าลาย หนังแพะ เป็นกระเป๋าใบใหญ่
เขาก็ให้เราดูว่า เราจะแยกแยะออกไหม ว่าหนังอะไรเป็นหนังอะไร โอ้โหสบายมากสำหรับเรา เพราะอยู่โรงฟอกหนังมาก่อน เอามือจับๆหนังแล้วรู้เลยว่า นี่เป็นหนังนกกระจอกเทศ หนังวัว หนังปลา หนังแพะ หนังแกะ หนังหมู
กระเป๋าทรงเคลลี เห็นแล้วถูกใจใบนี้แบรนด์ CELINE
ตรงนี้เขาก็ทดสอบเราด้วย จำได้ว่าตอนนั้นต้องใช้น้ำยากว่า 10 ชนิดในการเช็ดทำความสะอาดกระเป๋า เพราะแต่ละหนัง ก็ใช้น้ำยาแต่ละชนิด ไม่ใช่ออลอินวันนะ
และที่ประทับใจอีกอันหนึ่งก็ลูกค้าที่เป็นเซเลบของที่นั่น เวลาเขามาคลีนกระเป๋าจะเอามาเป็นสิบๆใบเลย เราก็รับหน้าที่คลีนให้ เชื่อไหมเราคลีนสะอาดจนเขาตกใจ แล้วเขาก็มาอีก พร้อมทั้งระบุว่า ต้องให้คนนี้เป็นคนคลีนนะ โอ้โหเราก็นึกในใจตายแล้ว (หัวเราะ)
คิดว่าคนไทยเรา เวลาทำอะไรจะประณีต ละเอียดลออ เขาบอกว่าพอใจมากๆ อาจเป็นเพราะเราเป็นคนรักกระเป๋า รู้ว่าถ้าเป็นเราอยากได้แบบไหน ก็ทำให้เขาแบบนั้น นี่คือ วิไลพร ชัยแสงจันทร์ เจ้าของคลินิกรักษา กระเป๋าแบรนด์เนม
PRADA ใบนี้ก็รักมาก
พอเรียนจบหลักสูตรแล้ว กลับมาฝึกคลีนนิ่งกระเป๋าแบรนด์เนมที่บ้าน จนชำนาญ และมั่นใจแล้ว ก็เริ่มเปิด คลินิคคลีนนิ่งกระเป๋า แบรนด์เนม แห่งแรกที่ เซ็นทรัล เอ็ม บาสซี 2 ปี ต่อมาย้ายร้านมาที่ชั้น B ศูนย์การค้า สยาม พารากอน ได้ 8 ปี แล้ว ในนามของ ร้านแบคสตูดิโอ ประเทศไทย (Bag Studio Thailand)
ถามว่าความสุข ทุกวันนี้คืออะไร ?
เดิมมีความสุข และพึงพอใจกับชีวิตการทำงาน อยู่กับครอบครัว และลูกๆ รวมทั้งมีความสุขกับการสะสม ดูแลกระเป๋าแบรนด์เนม ที่ชื่นชอบ สะสมไว้เกือบ 200 ใบ ส่วนแบรนด์ที่ชื่นชอบนั้นอาทิ ชาแนล (Charnel ) Loewe, Christian Dior, แอร์เมส (Hermes), หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) , Lalique (แบรนด์ฝรั่งเศสหายาก) , Prada, Valentino ฯลฯ
นี่ก็กระเป๋าทรงเคลลี
“หลักการเลือกซื้อของเราก็คือ จะเป็นคนชอบกระเป๋าทรงเคลลี เห็นแล้วก็จะเลือกก่อนเลย แต่ทรงอื่นก็มีแหละ แบรนด์ชาแนล น่าจะมีเยอะสุด สะสมไว้ทุกขนาด Celine นี่ก็ชอบเพราะเขามีเอกลักษณ์ แอร์เมสมีไม่เยอะรู้สึกจะมี 3-4 ใบ
Prada หนังจระเข้สีแดงเบอร์กันดี ใบนี้ก็สุดรักสุดหวง
ส่วน ใบที่ชอบมากอีกใบหนึ่งคือ Prada หนังจระเข้สีแดงเบอร์กันดี ตอนที่ซื้อราคาหลักแสน 20 ปีที่แล้ว ตอนนี้น่าจะร่วมๆล้านแล้วมั๊ง กระเป๋าส่วนใหญ่จะซื้อที่ญี่ปุ่น เพราะเขามีแบบที่ถูกใจเรามาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยซื้อบ่อย นานๆถึงจะเจอแบบที่ถูกใจ ตอนนี้จะซื้อกระเป๋าต้องถามลูก เพราะเขาจะได้ใช้ด้วย”
ถามถึงความสุขในปัจจุบัน ก็คือเมื่อมีธุรกิจร้าน Bag Studio เสมือนเป็น คลินิกรักษากระเป๋า มากกว่าการทำความสะอาดแบบทั่วๆไป เมื่อได้เห็นลูกค้ามารับกระเป๋า ตรวจสอบความเรียบร้อยแล้วมีสีหน้าแววตาที่เปี่ยมสุข นั่นแหละคือความสุข
กระเป๋า Charnel ใบนี้โดดเด่นที่สายสะพายสีทองระยิบระยับ
“สมมุติเราเห็นกระเป๋าเยินมากๆ มาถึงมือเรา ให้เราช่วยดูแล พอทำให้เขาเรียบร้อย ส่งให้ลูกค้า เห็นเขาแฮปปี้แล้วว๊าวกับผลงาน โอ้.... รู้สึกว่า เราทำสำเร็จแล้ว ชอบที่สุดคือตอนเราส่งมอบของให้กับลูกค้า มีความสุขตรงที่ได้เห็นหน้าลูกค้าตอนนั้น เราได้ทำอะไรที่รัก มีความสุขและอยากทำ ปัญหาก็อาจจะเจอบ้าง เพราะงานแต่ละอย่างย่อมมีปัญหาแต่ตรงนี้ทำให้เรามีความสุขมากกว่า ”
ยกตัวอย่างกระเป๋าที่คิดว่าอาการหนัก แล้วมารักษา หรือเรียกง่ายๆว่า อาการน่าเป็นห่วง :
ยกตัวอย่างกระเป๋าแบรนด์ Balenciaga สีน้ำตาล อายุการใช้งานเยอะแล้ว และมีการหยุดใช้ ไม่ค่อยได้ดูแลรักษา ก็เลยเกิดอาการ หนังแตก สีแตก หูกระเป๋าชำรุด คลินิกแห่งนี้ประเมินอาการ แล้วอธิบายว่า ก่อนอื่นต้องทำความสะอาดตัวกระเป๋าอย่างละเอียดทุกตะเข็บเส้นด้าย ประมาณ 5 รอบ
จากนั้นเราจะนำไปอบฆ่าเชื้อ เติมโลชั่นให้กับหนังที่แห้งกร้าน ให้กลับมาชุ่มชื้น จากนั้นเข้าสู่กระบวนการทำสี โดย ลอกสีเดิมออกให้หมด แล้วขัดหนังใหม่ให้เรียบเสมอ แล้วจึงทำสีซึ่งมีหลายขั้นตอนเช่นกัน
กระเป๋าใบนี้คุณสามีซื้อให้สมัยที่แต่งงานกันใหม่ๆ
“ถึงบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ สปากระเป๋า แต่เป็น คลีนนิ่ง หรือคลินิกรักษา เรามีน้ำยามีร่วม 30 ชนิด กระเป๋าใบหนึ่งอย่างน้อยใช้น้ำยา 3-4 ชนิด เราจะไม่ใช่น้ำยาแบบ All in On เพราะหนังแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน การทำสีก็มีหลายขั้นตอน และเป็นสีนำเข้าที่แบรนด์เนมใช้เรากล้าลงทุนตรงนี้ ”
การดูแลกระเป๋าแบรนด์เนม : เจ้าของคลินิกกระเป๋าแนะว่า อย่าใส่ของเยอะเกินไปแบบอัดแน่น หากเป็นกระเป๋าหนัง ต้องหมั่นทาโลชั่นบำรุงผิวกระเป๋าไม่ให้แห้งกร้าน หากมีรอยเปื้อน ห้ามใช้สเตคลีนเด็ดขาด เพราะหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าใช้เช็ดหนังแท้ได้ ถ้าใช้จะทำให้สีของหนังหลุดออกเกิดความเสียหายได้
อีกใบที่รักมาก LALIQUE แบรนด์ฝรั่งเศสหายาก
กระเป๋าหนัง ทุกประเภท เวลาโดนฝน อันดับแรกใช้กระดาษทิชชูค่อยๆซับ แล้วกด ห้ามเช็ดถูเด็ดขาด เพราะถ้ายิ่งเช็ดน้ำจะยิ่งซึมลึกลงไป ค่อยๆซับน้ำจนแห้งแล้ว ใช้ไดร์เป่าผม ความร้อนอ่อนๆ ค่อยๆเป่าให้แห้ง
ห้ามเป่าแบบจ่อหนังเด็ดขาด เวลาแขวนกระเป๋า ใช้ผ้ารองตรงหูกระเป๋าก่อนแขวน ถ้าวางกระเป๋าควรมีผ้ารอง และกระเป๋าต้องอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 23-28 องศา หากอยู่ในตู้ต้องเปิดบ้างเพื่อให้อากาศถ่ายเท
“การดูแลกระเป๋าแบรนด์เนม ที่ดีที่สุดคือ ตั้งกระเป๋าไว้ และต้องหมั่นเอามาบำรุง เราจะมีทั้งโลชั่น และมอยเจอร์ไรเซอร์ ถ้าเสื้อผ้าสีตก เวลาสะพายกระเป๋าสีอ่อน ก็จะมีผลต่อสีของกระเป๋าได้ เช่นถ้าใช้กระเป๋าสีขาว หรือสีครีม
สะพายกระเป๋าแล้วสีกระเป๋าเปลี่ยนต้องรีบเอามาทำความสะอาด ก่อนคราบฝังแน่น ถ้าจะไปกินหมูกระทะก็ต้องหาถุงหรือผ้ามาคลุมกระเป๋า อย่าให้โดนคราบมันที่อาจจะกระเด็นมา หากกระเป๋าเลอะไวน์
ห้ามเช็ดเด็ดขาด ให้ซับด้วยทิชชูแล้วรีบนำมาที่ร้าน ห้ามคลีนเอง เพราะอาจจะเสียหายได้ ค่าใช้จ่ายตรงนี้น่าจะประมาณ 5,500 บาท เพราะต้องคลีนถึง 5 รอบ”
เมื่อถามถึงราคาเอาไว้เป็นไกด์ไลน์ เผื่อว่าใครสนใจนำกระเป๋าไปคลีน ได้ความดังนี้ อย่างกระเป๋าไซส์ 25 ซม ค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000 บาท ทำความสะอาด คลีนทุกเส้นด้าย พร้อมอบฆ่าเชื้อ
หรือถ้าต้องคลีน 5 รอบ ราคาก็จะเพิ่มอีก 500 หรือ 1000 บาท หรือต้องการด่วน ก็จะคิดราคาเพิ่ม 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะต้องหยุดการทำกระเป๋าใบอื่น ที่มาก่อนหน้านั้น เคยเจอคนที่ต้องจ่ายเยอะสุดคือทำสี ไซส์กระเป๋า 40 กว่าๆ ราคาประมาณ หมื่นแปดพันบาท เป็นต้น
สุดท้ายนี้ วิไลพร ชัยแสงจันทร์ หมอรักษา ‘กระเป๋าแบรนด์เนม’ เจ้าของร้าน Bag Studio Thailand (Complete Cave For Bags & Shoes อยู่ที่ชั้น B สยามพารากอน) กล่าวว่า
หากจะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม เธอคิดว่า กระเป๋าที่เป็นหนังจะดูแลง่ายกว่า อาทิ กระเป๋าแชแนล ของเธอที่เป็นหนัง ใช้มานานหลายสิบปี ตอนนี้ลูกสาวนำไปใช้ต่อ หนังยังสวยเหมือนของใหม่ ทั้งนี้จะทนทานใช้ได้นานแค่ไหน อยู่ที่เราดูแลรักษา
เคล็ดลับการดูแล 'กระเป๋าแบรนด์เนม' ของเธอก็คือ ดูแลเหมือนไม่ดูแล ใช้แล้วตั้งไว้ ในที่อากาศถ่ายเท ไม่โดนแสงแดด หรือร้อนอบอ้าวมากเกินไป ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ให้ตลอดก็ยังได้