'เที่ยวสายกรีน' ที่ 'ม่อนหมอกตะวัน' นอนนับดาวตื่นเช้ามาจับสายหมอก
ขา 'เที่ยวสายกรีน' สายปักเต็นท์ ชวนเที่ยว 'ม่อนหมอกตะวัน' จ.ตาก ไปนอนนับดาวแล้วตื่นเช้าจับสายหมอก บ้านพักเรียบง่าย จุดกางเต็นท์สะอาด สไตล์เรียบง่าย พร้อมอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึกจากร้านค้าของชาวบ้านป่าหวาย
มุมลับ ๆ ที่มีหมอกขาว ๆ กับดาวล้านดวง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชาวแคมป์ดั้นด้นรอนแรมเข้ามาพักผ่อนกายใจ ทำให้ดอยสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,100 เมตรแห่งนี้ กลายเป็นที่หมายปองของผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ ท่ามกลางสภาพอากาศดี ๆ โดยเฉพาะหน้าฝนไปจนถึงหน้าหนาว สายหมอก ดอกไม้ สายลม ผสานภาพฝัน
ตอนนี้ฝันเป็นจริงเมื่อ ม่อนหมอกตะวัน ได้รับการดูแลอย่างมีทิศทางด้วยการรวมกลุ่มของชาวบ้านป่าหวาย ในนามของ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนหมอกตะวัน มีการวางแผนจัดการกันเองแบบง่าย ๆ ภายใต้ความมุ่งหวังว่าจะต้องรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยเอาไว้ให้คงเดิมมากที่สุด
ที่พักในสายหมอกที่ ม่อนหมอกตะวัน
สภาพพื้นที่บน ม่อนหมอกตะวัน เป็นลานกว้างที่มีความลาดชันลดหลั่นกันไป รวมแล้วประมาณ 50 ไร่ ชุมชนวางระบบการจัดการไว้อย่างน่าพึงพอใจ เริ่มต้นตั้งแต่สถานที่จอดรถ การจัดเส้นทางจราจร ระบบการจัดการขยะ การดูแลเรื่องความสะดวก ปลอดภัย เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
เที่ยวม่อนหมอกตะวัน ควรเรียนรู้กฎระเบียบของการเข้าพัก
ขา เที่ยวสายกรีน จะประทับใจกับกับความใจดีของเพื่อนนักท่องเที่ยวด้วยกัน ที่เห็นคุณค่าของการมาเยือนเสมือนญาติมิตร
ที่พักบนม่อนหมอกตะวัน ออกแบบให้แอบอิงกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็มเหมือนโรงแรมทั่วไป เพื่อให้ผู้เข้าพักได้อิ่มเอมกับความสุขที่เรียบง่ายให้มากที่สุด
กฎระเบียบของการเข้าพัก ก่อนจะตัดสินใจไปพักผ่อนที่ม่อนหมอกตะวัน นักท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องรับทราบกฎระเบียบของที่นี่ให้ชัดเจน เช่น
การรักษาความสะอาด การจำกัดความดังของเสียงทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ที่นี่ใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ 100% อนุญาตให้ชาร์จโทรศัพท์ได้ แต่งดเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ทุกชนิด และเพื่อความปลอดภัยและเป็นระเบียบ จึงห้ามนักท่องเที่ยวขับรถขึ้นลงดอยหลัง 22.00 น. ฯลฯ
วิถีชีวิตชาวม้ง
เที่ยวสายกรีน ชมวิถีชีวิตชาวม้ง ชาวม้งบ้านป่าหวายส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบริเวณทางขึ้นดอย พวกเขายังคงสืบสานวิถีม้งผ่านงานประเพณีหรือเทศกาลต่าง ๆ เช่น งานปีใหม่ม้ง ที่จะได้เห็นการรวมตัวของชาวบ้านในเครื่องแต่งกายหลากสีสัน นอกจากผ้าทอที่เห็นได้โดยทั่วไปแล้ว สาวชาวม้งยังได้รับสืบทอดภูมิปัญญาในการทอผ้าใยกัญชงเพื่อนำมาเป็นเครื่องแต่งกายอีกด้วย
ในแต่ละช่วงของปี ม่อนหมอกตะวัน สะท้อนภาพแห่งความงดงามตามฤดูกาลที่เปลี่ยนผัน หลายคนอาจจะทราบดีว่า อ.พบพระ จ.ตาก เป็นแหล่งปลูกดอกไม้แหล่งใหญ่ในเมืองไทย อาทิ กุหลาบ และดาวเรือง บนม่อนหมอกตะวันก็มีแปลงดอกไม้กระจายอยู่เช่นกัน เช่น ดอกเสี้ยน ดอกคอสมอส และดอกซันเวียร์
แม้จะเปล่งวาจาออกมาไม่ได้ แต่เราก็สัมผัสถึงความสดชื่นอบอุ่นใจ จากสายลม สายหมอก และดอกไม้ เหล่ามิตรรักนักเดินทางต่างแสดงความขอบคุณกลับไป ด้วยการแสดงน้ำใจไมตรี ส่งความรักและทนุถนอมดินแดนแห่งนี้ไว้ เพื่อจะกลับมาเติมเต็มทุกช่วงวินาทีที่มีความหมายในอีกครา
หมายเหตุ : ม่อนหมอกตะวัน ฤดูกาลท่องเที่ยว พ.ค. - ก.พ. ติดต่อที่พัก / กิจกรรม FB: บังกะโล-Bungalow ม่อนหมอกตะวัน
ญั่งสู่ ฟาร์มฮัก
ไก่ต้มสมุนไพรและญั่งสู่ ฟาร์มฮัก
ไก่ต้มสมุนไพร เมนูท้องถิ่นที่ทำกินอย่างแพร่หลายในหมู่ชาวม้ง นิยมใช้ไก่บ้านและไก่ดำ นำมาต้มกับพืชสมุนไพรในท้องถิ่นสารพัดชนิด อาจจะอธิบายชื่อได้ค่อนข้างยาก เพราะผักส่วนใหญ่เรียกกันเป็นภาษาม้ง
แต่ที่พอจะรู้จักอยู่บ้าง เช่น พลูคาว ว่านท้องใบม่วง ก้ามปูหลุด ฯลฯ ปรุงด้วยเกลือและพริกไทยเพียงเล็กน้อย จะได้ไก่ต้มที่มีน้ำซุปหอมกลมกล่อม ผักที่เปื่อยกำลังดีมีรสชาติหวาน เคี้ยวง่าย เช่นเดียวกับเนื้อไก่ที่แทรกซึมน้ำสมุนไพรจนได้ที่ กินกับ ข้าวดอยแบบชาวม้ง จะพากันประทับใจไปอีกนาน ยิ่งได้นั่งล้อมวงกับชาวบ้าน ก็ยิ่งสนุกสนานกับเรื่องเล่าที่ครื้นเครง
เมนูบำรุงสุขภาพ ไก่ต้มสมุนไพร
ชาวบ้านบอกว่านี่คือเมนูบำรุงสุขภาพที่ทำกินกันมานาน เหนื่อยหน่ายจากไร่ หรือป่วยไข้ ก็ต้องต้มไก่สมุนไพรช่วยฟื้นพลัง คนท้องก็นิยมกินบำรุงครรภ์ ส่วนหนุ่ม ๆ ก็ชื่นชอบด้วยความเชื่อเรื่องปึ๋งปั๋งด้านกำลังวังชา
ม่อนหมอกตะวันมีช่วงเวลาดี ๆ ให้เราตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็นที่มองเห็นบรรยากาศได้ทั้งตอนพระอาทิตย์ขึ้นและตก ในช่วงกลางวันสามารถขับรถไปเที่ยวน้ำตกป่าหวาย หรือจะขับลงไปกินไก่ต้มสมุนไพร และเมนูท้องถิ่นที่ ญั่งสู ฟาร์มฮัก ร้านอาหารกลางทุ่งดอกไม้ของครอบครัวชาวม้ง ที่ไม่ไกลจากทางขึ้นดอยมากนัก ซึ่งมีโยเกิร์ตโฮมเมดสไตล์เกล็ดน้ำแข็ง รสละมุนให้ลิ้มลอง