“4พี่เบิ้ม”ชม 5 หุ้นสื่อสาร“สวยเป๊ะ”BEC-WORK-GRAMMY-RS-NMG

“4พี่เบิ้ม”ชม 5 หุ้นสื่อสาร“สวยเป๊ะ”BEC-WORK-GRAMMY-RS-NMG

“โสรัตน์-เสี่ยปู่-นิ้วโป้ง-สุกิจ” กูรูหุ้นบิ๊กไซด์ ยก BEC-WORK-GRAMMY-RS-NMG สวยพอๆกัน หากประมูลทีวีดิจิทัลผ่านฉลุย

“เงินหนา-คอนเทนท์เลิศ” เสน่ห์เย้ายวนที่ไม่ต้องออกแรง “ร่ายมนต์” ของ “เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์” (WORK) และ “บีอีซี เวิลด์” (BEC) ความสวยเหล่านี้ “เตะตา” เหล่านักวิเคราะห์ ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า WORK-BEC จะเป็นธุรกิจสื่อและบันเทิงรายใหญ่ที่สามารถกอบโกยประโยชน์จากช่องทีวีดิจิทัลที่เตรียมเปิดประมูลราวเดือนก.ย.นี้ มากที่สุด เมื่อเทียบกับ MCOT-GRAMMY-RS-NMG-SAMART และ INTUCH

“WORK มีความพร้อมมากสุด และน่าจะสร้างประโยชน์ได้สูงสุด เขาเป็นผู้นำในการผลิตคอนเทนท์รายการโทรทัศน์รายใหญ่ของเมืองไทย ขณะที่ BEC มีความพร้อมของสตูดิโอที่เป็นระบบดิจิทัลอยู่แล้ว ฉะนั้นหากจะลงทุนเพิ่มเพื่ออัพเกรดอุปกรณ์คงใช้เงินไม่มาก” บล.เอเซียพลัส VS บล.บัวหลวง ประสานเสียงวิเคราะห์

ยังไม่ทันสิ้นเสียงเคาะราคาประมูลคลื่นความถี่ทีวีดิจิทัล 24 ช่อง มูลค่ารวม 15,190 ล้านบาท ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ผู้ประกอบการธุรกิจสื่อและบันเทิง ก็ร่อนหมายเชิญร่วมงานแสดงความพร้อมเข้าประมูลพรึบพรับ!!

ไล่มาตั้งแต่ “บีอีซี เวิลด์” (BEC) ของ “ตระกูลมาลีนนท์” ที่ส่ง “สปีกเกอร์แมน” คนเดิม “ฉัตรชัย เทียมทอง” ออกมานั่งยัน “เราพร้อมแล้ว!! ตอนนี้กำลังปรับปรุงเครื่องมือเพื่อรองรับระยะดิจิทัล บริษัทจะจ้างคนมาทำเรื่องการส่งสัญญาณตกปีละ 4-5 ล้านบาท”

ฟาก “เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์” (WORK) ของ “เสี่ยตา” ปัญญา นิรันดร์กุล ออกตัวแรงพร้อมร่วมวงประมูล 2 ช่อง เพื่อทำช่องเด็กครอบครัว และวาไรตี้ “เราไม่มีหนี้ เงินทุนหมุนเวียนดี แถมมีสตูดิโอมากถึง 8 ห้อง และมีแผนจะทำเพิ่มอีก 8 สตูดิโอ”

ส่วน “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ของ “อากู๋” ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม มาเหนือ!! ทุ่มเงิน 4,000 ล้านบาท ประมูลรวดเดียว 3 ช่อง “เราไม่เพิ่มทุน แต่จะกู้เงินแทน หนี้สินต่อทุนยังต่ำเพียง 0.99 เท่า แถมมีเงินสดตั้ง 1,000 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นมิต้องห่วง”

ฝั่ง “อาร์เอส” (RS) ของ “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ ยืนยัน “พร้อมสุดๆ เตรียมส่งช่อง 8 ฟรีวาไรตี้ 24 ชั่วโมง และ ซัน เอ็กซ์ตรีม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ วาไรตี้ เข้าร่วมประมูล” ส่วน “เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) ใ
เลือกใช้วิธีเพิ่มทุน ยื่นประมูล 3 ช่อง มูลค่า 2,000 ล้านบาท

“สามารถคอร์ปอเรชั่น” (SAMART) ของ “วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์” ควักเงิน 100-200 ล้านบาท บุกตลาดทีวิดิจิทัล 1 ช่อง เพื่อทำช่องข่าวกีฬา แถมมีแผนจะผลิตกล่อง set-top box (กล่องรับสัญญาณ) เป็นของตัวเองอีกด้วย

ด้าน “อสมท.(MCOT) ไม่พลาดร่วมวง เรื่องเงินไม่ต้องห่วงมีมากกว่า 4,845 ล้านบาท “3 ปี จะทุ่ม 5,000 ล้านบาท ประมูล 2 ช่อง และลงทุนโครงข่ายส่งสัญญาณระบบดิจิทัล มูลค่า 3,000 ล้านบาท เราไม่ทำคนเดียวจะหาเพื่อนร่วมทางอีก 4 ราย ฉะนั้นบริษัทลงทุนเพียง 1,000 ล้นบาทเท่านั้น” ส่วน “ชินคอร์ปอเรชั่น” (INTUCH) ไม่น้อยหน้าใส่เงิน 2,000 ล้านบาท ประมูล 2 ช่อง

"เคน" โสรัตน์ วณิชวรากิจ เซียนหุ้น “พันล้าน” ในฐานะผู้ถือหุ้น RS อันดับ 2 (15.55% ณ วันที่ 13 มี.ค.56) วิเคราะห์ให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟังว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า กลุ่มที่เข้าประมูลทีวีดิจิทัลมีด้วยกัน 4 กลุ่ม แบ่งเป็น 1.กลุ่มฟรีทีวีเดิมอย่างช่อง 3 ช่อง 7 และช่อง 9

2. กลุ่มเอกชนที่มีรายการอยู่ในช่องเคเบิ้ลทีวี อาทิ RS,GRAMMY และ WORK 3.กลุ่มทุนใหญ่ที่มีเงินลงทุนจำนวนมาก และมีโครงข่าย สุดท้าย คือ กลุ่มทุนขนาดเล็ก ไม่เคยมีช่องทีวีเป็นของตัวเอง เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตรายการให้ทั้งฟรีทีวี และแซทเทลไลท์ทีวี คนเหล่านี้เป็นมืออาชีพมาก

ฉะนั้นถามว่าใครละที่ได้ผลประโยชน์จาก “ทีวีดิจิทัล” มากที่สุด น่าจะเป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จจากการทำรายการในเคเบิ้ลทีวีมาก่อน เพราะเขาเพียงแค่ย้ายจากการทำในเคเบิ้ลทีวีมาเป็นดิจิทัลทีวีเท่านั้น บริษัทเหล่านั้นก็คงหนีไม่พ้น RS -GRAMMY- WORK ส่วน INTUCH มีเงินมากก็จริง แต่ไม่มีคอนเทนท์ ไม่เคยมีรายการของตัวเอง อาจเหนื่อยหน่อย

เรื่องเงินลงทุน 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ (RS-GRAMMY-WORK) ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เขาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หากอยากได้เงินจำนวนมาก ก็แค่ระดมุทนเงินเพิ่ม ซึ่งสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น ออกหุ้นกู้ เพิ่มทุน หรือกู้เงินจากสถาบันการเงิน

“เสี่ยปู่” สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล นักลงทุนรายใหญ่ เชื่อว่า เอกชนรายใหญ่ที่เข้าประมูลจะได้ประโยชน์มากสุด เขามี “คอนเทนท์” เป็นของตัวเองสามารถย้ายรายการมาอยู่ในทีวีดิจิทัลได้ทันที

“ผมชอบ WORK-RS-BEC-MCOT-NMG การเงินเขาพร้อมเหมือนๆกันหมด ขึ้นอยู่เพียงว่าใครจะประมูลช่องได้มากที่สุด หรือสร้างธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

ทุกวันนี้ส่วนตัวยังคงถือหุ้น WORK อันดับ 5 เหมือนเดิม ราวๆ 5,520,000 หุ้น คิดเป็น 2.15% (ตัวเลข ณ วันที่ 21 มี.ค.56) ถือเป็นบริษัทที่ดี เขามีคอนเทนท์เยี่ยมยอด แถมเงินทุนยังพร้อมอีก ถามกลับว่าแล้ว BEC ดีมั้ย?? “เสี่ยปู่” ตอบว่า ขานี้เขาโดดเด่นอยู่แล้วทั้งเรื่องคอนเทนท์ บุคลากร และฐานคนดู ขึ้นอยู่ว่าจะนำมาสร้างประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน

“นิ้วโป้ง” อธิป กีรติพิชญ์ เซียนหุ้น VI หนึ่งในสมาชิก Stock2Morrow วิเคราะห์ว่า ผู้ชนะที่เห็นชัดเจน ณ เวลานี้น่าจะเป็น BEC เพราะฐานะทางการเงิน “แข็งแกร่งสุดยอด”

“รายใหญ่มักได้เปรียบเสมอ !!”

มีเงินใช่ว่าจะซื้อโฆษณาช่อง 3 ได้ เพราะทุกวันนี้ขายเวลาเต็มหมดแล้ว ฉะนั้นหากเขาแตกตัวออกไปทำทีวีดิจิตอลสื่อโฆษณาจะแห่ตามไปลงมากขนาดไหน คุณลองคิดดูสิ!! คอนเทนท์ เขาเป็นเลิศ เรื่องนี้ต้องยอมรับ โดยเฉพาะคนข่าว คนดังหลายคนมารวมตัวอยู่ที่นี่กันหมด เรียกว่าแทบจะขี่คอกันอยู่แล้ว (ยิ้ม)

ช่อง “วาไรตี้” หรือช่อง “ละคร” ไม่ต้องพูดถึง ในส่วนของ “ดารา” แทบจะไม่มีที่ยืนเช่นกัน นั่นหมายความว่า ช่องละครเขาก็สามารถแตกตัวออกมาได้อีก หากนำมาออนแอร์ช่องทีวีดิจิทัล เงินโฆษณาตามมาอีกเพียบ โอ๊ย!! เงินมาทุกทาง

“นิ้วโป้ง” พูดต่อว่า จริงๆก็มีคนมองต่างมุมบ้าง นักลงทุนบางราย “ชื่นชอบ” หุ้น “Growth stocks” เขาก็จะไปเลือกลงทุนบริษัทที่ผลิต “คอนเทนท์” อาทิ RS และ WORK แต่คนที่ทำช่องทีวีเก่งจริงๆ ต้องยกให้ “อาร์เอส” เขาสามารถทำให้ละครช่อง 8 ฮิตติดอันดับ 1 เซอร์ไพรส์มากมีคนดูละครช่อง 8 เยอะมาก (เขาย้ำ) RS เขาทำให้ทุกคนเห็นอย่างนี้ได้ก่อน แสดงว่าเขามีศักยภาพในการดึงคนให้มาเปิดดูช่องเขาได้ (ไม่ธรรมดา)

ด้าน WORK หากเขาประมูลช่องทีวีดิจิทัลได้ คงมี “แฟนพันธุ์แท้” ตามมาดูช่องเขาเพียบ แต่ตอนนี้ยังมองไม่เห็นความหนักแน่นของรายการยังไม่ชัดเท่าไหร่ ส่วน GRAMMYการที่เขาพยายามทำกล่อง GMM Z ถือเป็นเรื่องดี แต่หลังจากจบ “บอลยูโร” ก็ยังมองไม่เห็นอะไรที่ชัดเจน หรือแม้แต่ช่องของเนชั่นฯ ปัจจุบันก็มีช่อง “คมชัดลึก” ช่อง “กรุงเทพธุรกิจทีวี” ช่อง “เนชั่นทีวี” แต่ก็ยังมีภาพที่ทับซ้อนกันอยู่ยังไม่มีอะไรที่แตกต่างออกไป

ปิดท้ายด้วยบทวิเคราะห์สั้นๆของ “ป๋อง” สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บอกว่า หุ้น BEC หุ้น MCOT และหุ้น WORK น่าจะได้ประโยชน์สูงสุด เพราะคอนเทนท์พร้อมสุด

หากถามถึงคนที่พร้อมมากสุด และมีคอนเทนท์รองรับไว้แล้ว ต้องยกให้ “ช่อง 3” ด้วยฐานคนดูที่มาก รายการหลากหลาย ความมั่นคงทางการเงินแข็งแกร่ง บุคลากรมีคุณภาพ และมูลค่าหุ้นไม่สูงมาก แนะนำ “ซื้อลงทุน” อย่าง NMG ก็มีคอนเทนท์ด้านข่าวที่ดี “น่าสนใจ”