'วิกฤติ 737 แม็กซ์' ฉุดมูลค่าโบอิงกว่า 2.5 หมื่นล.ดอลล์
โบอิง โค ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอากาศยานสหรัฐ เจอข่าวร้ายเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามคำสั่งใช้อำนาจประธานาธิบดีสั่งให้สายการบินทุกแห่งระงับใช้เครื่องบินโดยสารโบอิง 737 แม็กซ์ ร่วมกับกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
หลังคำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ ราคาหุ้นของโบอิง ซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลสตรีทร่วงลงทันที 3% ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาและปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น ราคาหุ้นของโบอิงยังคงร่วงลงกว่า 10% นับตั้งแต่เกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของสายการบินเอธิโอเปียตกเมื่อวันอาทิตย์ (10 มี.ค.) สร้างความเสียหายแก่มูลค่าทางตลาดให้แก่บริษัทเป็นเงินมากกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
สำนักงานบริหารการบินพลเรือนของสหรัฐ (เอฟเอเอ) ซึ่งช่วงเกิดเหตุเครื่องบินตกสองวันแรก ยืนกรานว่าไม่ระงับการใช้งานเครื่องบินโบอิง 737 แม็กซ์ 8 แต่ท้ายที่สุดก็เปลี่ยนท่าที ยอมสั่งระงับการขึ้นบินของเครื่องบินรุ่นดังกล่าว โดยบอกว่าที่ตัดสินใจสั่งระงับเพราะได้หลักฐานมาใหม่จากการลงพื้นที่เครื่องบินตก ใกล้กับกรุงแอดดิสอาบาบาของเอธิโอเปีย และข้อมูลดาวเทียมใหม่ล่าสุด
ผลสอบสวนเบื้องต้นกรณีโศกนาฏกรรมสายการบินเอธิโอเปีย เมื่อวันอาทิตย์ (10 มี.ค.) ที่ผ่านมา คล้ายกับเครื่องบินไลออนแอร์ตกเมื่อเดือนต.ค. ปีที่แล้ว และสอดคล้องกับที่นักบินสหรัฐอย่างน้อย 4 คน เคยแจ้งเรื่องผ่านระบบรายงานความปลอดภัยการบิน ซึ่งเป็นฐานข้อมูลของนาซา ที่รวบรวมการแจ้งเหตุต่างๆเกี่ยวกับการบินโดยสมัครใจ ว่าเครื่องบินดิ่งลงอย่างรวดเร็วหลังจากนักบินนำเครื่องขึ้นบิน
นอกจากนี้ หลังจากเครื่องบินโดยสารของไลออนแอร์ตก มีนักบินอย่างน้อย 2 คน แจ้งว่าประสบเหตุดังกล่าว และต้องปิดระบบนักบินอัตโนมัติ หรือ ออโตไพลอต เพื่อแก้ไขสถานการณ์
แม้ยังไม่ชัดเจนว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบของสหรัฐประเมินหรือทบทวนฐานข้อมูล หรือสอบสวนเหตุการณ์ที่นักบินแจ้งไว้หรือไม่ แต่เอฟเอเอเพิ่งมีคำสั่งให้โบอิงอัพเดตซอฟต์แวร์การบินและอบรมนักบินใหม่หมด