สหรัฐเตรียมออกคำสั่งห้ามผลิตอุปกรณ์ 5จีในจีน
นิตยสาร “พีซี แม็กกาซีน” ส่งสมาร์ทโฟนหัวเว่ยรุ่น พี30 จากอังกฤษไปสหรัฐ ผ่านเฟดเอ็กซ์ แต่ต่อมาเฟดเอ็กซ์ได้ส่งคืนพัสดุกลับไปยังต้นทาง
สหรัฐไม่ไว้วางใจจีนในเรื่องการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยี 5จี โดยอ้างว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ ล่าสุด มีรายงานว่า สหรัฐ กำลังพิจารณาออกคำสั่งให้อุปกรณ์ 5จี ใดๆ ก็ตามที่จะใช้งานในสหรัฐต้องผลิตขึ้นนอกประเทศจีนเท่านั้น ขณะที่หัวเว่ย กับบริษัทขนส่งเฟดเอ็กซ์มีประเด็นขัดแย้งรอบใหม่เกิดขึ้น
เว็บไซต์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาออกข้อบังคับให้อุปกรณ์ 5จี ที่จะใช้งานภายในสหรัฐ อาทิ เสาส่งสัญญาณ, เราเตอร์, สวิตช์, รวมทั้งซอฟต์แวร์ ต้องผ่านการออกแบบและผลิตนอกประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่า บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่มีฐานการผลิตในจีน เช่น โนเกีย และอีริคสัน อาจจำเป็นต้องย้ายโรงงานออกจากจีนหากยังคงต้องการส่งออกสินค้า 5จี เข้าไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดอุปกรณ์และบริการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลกต่อไป
อย่างไรก็ตาม การพูดคุยยังคงอยู่ในขั้นไม่เป็นทางการ และคำสั่งของประธานาธิบดีจะเป็นการขอให้ออกเป็นกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องภายในเวลา 150 วัน หรือประมาณเดือนต.ค.นี้ เพราะฉะนั้นการตัดสินใจใดใดอาจใช้เวลาหลายปีถึงจะมีผลบังคับใช้
หากมีการประกาศออกมาจริง ข่าวล่าสุดนี้จะถือเป็นการขยายขอบเขตคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐ หลังจากจากเดือนที่แล้ว สหรัฐขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยและบริษัทที่เกี่ยวข้องไม่ให้ซื้อเทคโนโลยีจากบริษัทสัญชาติสหรัฐ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทำเนียบขาว และต่อจากนั้นกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้ผ่อนผันการบังคับใช้ออกไปเป็นเวลา 90 วันพูดถึงหัวเว่ย
ล่าสุด มีประเด็นเกิดขึ้นกับบริษัทขนส่งเฟดเอ็กซ์ของสหรัฐรอบใหม่ โดยกรณีล่าสุดเริ่มขึ้นจากการที่นิตยสาร “พีซี แม็กกาซีน” ส่งสมาร์ทโฟนหัวเว่ยรุ่น พี30 จากอังกฤษไปยังสหรัฐ ผ่านเฟดเอ็กซ์ แต่ต่อมาเฟดเอ็กซ์ได้ส่งคืนพัสดุกลับไปยังต้นทาง
ด้านเฟดเอ็กซ์ออกแถลงการณ์ขอโทษ และอ้างว่าเป็นความผิดพลาดในระดับปฏิบัติการ แต่ฝ่ายหัวเว่ยยืนยันว่าเฟดเอ็กซ์ไม่มีสิทธิ์ระงับการขนส่งและกล่าวหาเฟดเอ็กซ์ว่ามีความอาฆาตแค้นกับหัวเว่ยเป็นการส่วนตัว
ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลง เรียกร้องให้เฟดเอ็กซ์ออกมาชี้แจงในรายละเอียด ขณะที่สื่อของทางการจีนฉบับเมื่อวานนี้ระบุว่า เฟดเอ็กซ์น่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทที่รัฐบาลจีนเตรียมขึ้นบัญชีเป็น “บริษัทที่ไม่น่าไว้วางใจ”