กรมศุลฯโบ้ย การบินไทยเอาผิดสจ๊วตฉาว ลอบขนบุหรี่ไฟฟ้า
คืบหน้า! อ้างยึดเพียงของกลาง ส่วนผู้ครอบครองไม่มีใครแสดงตัว ด้านบินไทยเกียร์ว่างยังไม่ตั้ง กก.สอบ ขณะที่เพื่อนพนักงานจี้บริษัทไล่ออก วิจารณ์ยับอุ้มคนผิดไม่สั่งพักงาน-ตั้งกรรมการสอบ ยังปล่อยให้บิน อนุญาตให้ลาหยุด
จากกรณีที่ “คม ชัด ลึก” เปิดเผยเรื่องอื้อฉาวของสจ๊วตการบินไทยลักลอบขนบุหรี่และไส้บุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมากจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามายังประเทศไทย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พนักงานเป็นจำนวนมาก เพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้แก่เพื่อนร่วมงานกันทั่วหน้า โดยเฉพาะพนักงานขับรถขนส่งลูกเรือในวันเกิดเหตุ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ต้องรับเคราะห์ถูกตั้งกรรมการสอบสวน ส่วนเจ้าตัวยังลอยนวล และเพื่อนพนักงานต้องการให้ดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งการลงโทษแบบเด็ดขาดจากทางบริษัท กระทั่งวันที่ 25 กรกฎาคม ทาง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดย นายสุธีรัชต์ ศิริพลานนท์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่าทราบตัวผู้กระทำผิด และอยู่ระหว่างสอบสวน
ล่าสุดวันที่ 29 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวยังคงเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พนักงาน โดยส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตว่ามีการช่วยเหลือผู้กระทำผิด เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตั้งกรรมการสอบสจ๊วตคนดังกล่าว ทั้งๆ ที่บริษัทรู้ตัวผู้กระทำผิดว่าเป็นใครตั้งแต่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าตรวจสอบในคืนวันที่ 20 กรกฎาคม แต่ยึดได้เพียงของกลาง หนำซ้ำยังปล่อยคนผิดมาทำงานปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยบินไปประเทศญี่ปุ่นอีกในวันที่ 22 กรกฎาคม และกลับมาประเทศไทยในคืนวันที่ 23 กรกฎาคม และทันทีที่มาถึงก็ยื่นใบลาป่วย เป็นการหยุดยาวต่อเนื่อง โดยมีกำหนดมาทำงานอีกครั้งในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้
แหล่งข่าวที่เป็นสจ๊วตการบินไทยรายหนึ่ง บอกว่า ทางบริษัทรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง แต่ไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด ไม่มีการสั่งพักงาน ไม่ถูกตั้งกรรมการสอบ แต่กลับปล่อยให้บินไปญี่ปุ่นอีกหลังก่อเหตุ และอนุญาตให้ลา ต้องจับตาดูว่าการกลับมาทำงานวันที่ 30 กรกฎาคม ตามกำหนดของสจ๊วตฉาวคนนี้จะมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการตั้งกรรมการสอบของทางบริษัทหรือไม่ พฤติการณ์ของสจ๊วตคนนี้สร้างความเสื่อมเสีย ทั้งชื่อเสียงของบริษัท และความภาคภูมิใจในอาชีพ ตลอดจนเครื่องแบบที่เพื่อนพนักงานสวมใส่ จริงอยู่ที่ไม่ใช่คดีอาญาร้ายแรงถึงขั้นฆ่าคนตาย แต่รู้ทั้งรู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นของผิดกฎหมาย ก็ยังกล้าทำ กล้าละเมิดกฎหมายข้อบังคับ ซึ่งความผิดที่เกิดขึ้นต้องลงโทษด้วยการไล่ออก ไม่ควรเพิกเฉยเช่นนี้ และเท่าที่ทราบคือห้ามสจ๊วตคนดังกล่าวมีตารางบินไปญี่ปุ่นอีก ซึ่งเป็นคำสั่งมาตรการเบื้องต้นที่ออกตามมาหลังจากปล่อยให้เขาบินไปญี่ปุ่นอีกครั้งหลังเกิดเรื่องวันที่ 20 กรกฎาคม แทนที่จะระงับเด็ดขาดตั้งแต่วันนั้น กลับปล่อยปละละเลย
แหล่งข่าวคนเดิมบอกอีกว่า แทนที่คนทำผิดจะถูกจัดการขั้นเด็ดขาด แต่เพื่อนพนักงานต้องมารับผลกระทบไปด้วย รู้สึกอับอายขายหน้ายังไม่พอ ต้องมารับผลกระทบเรื่องงาน คนอายุมาก คนข้อมือไม่ดีต้องลำบากขนสัมภาระที่มีน้ำหนักเยอะเอง เพราะมีหนังสือคำสั่งในวันที่ 22 กรกฎาคม จากนายจักรทิพย์ จันทรา ผู้จัดการแผนกบริการเดินรถรับ-ส่งผู้โดยสาร ซึ่งได้ลงนามออกคำสั่งเรื่อง ห้ามพนักงานขับรถช่วยยกกระเป๋าเดินทางหรือสิ่งของทุกชนิดรวมถึงสัมภาระทุกชิ้นของผู้โดยสารและนักบินลูกเรือ มีใจความว่า แผนกฯ ได้รับรายงานลูกเรือที่เดินทางเข้า-ออกที่อาคาร OPC เพื่อปฏิบัติงาน นำสิ่งของผิดกฎหมายมากับเที่ยวบินที่เดินทาง อันส่งผลเกี่ยวข้องกับพนักงานขับรถ มีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุนหรือเป็นตัวการร่วมในการลักลอบนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้า-ออกในหรือนอกราชอาณาจักรไทย จึงสั่งห้ามมิให้พนักงานขับรถยกกระเป๋าให้ลูกเรือทุกกรณี สัมภาระทุกชิ้นของลูกเรือจะต้องดูแลเองตาม PSM ทั้งนี้ให้ ซูเปอร์ไวเซอร์ รวมถึงหัวหน้างานทุกผลัดเวร ตรวจสอบ กวดขัน ดูแลและติดตามให้ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
ด้าน นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นได้รับรายงานว่า ทางบริษัทการบินไทยเป็นผู้ประสานงานให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งหลังตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบเพียงของกลาง แต่ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ หรือผู้ครอบครอง ตามหลักการจึงทำได้แค่ยึดของกลางเพื่อรอดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนผู้กระทำผิด หรือผู้ที่ครอบครองลักลอบนำของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ตามรายงานบอกว่าเป็นสจ๊วต ทางกรมศุลกากรไม่สามารถระบุตัวว่าเป็นสจ๊วตคนใด จึงเป็นหน้าที่ของบริษัทที่เป็นต้นสังกัดของสจ๊วตคนนั้นต้องไปหาตัวผู้กระทำผิด จะตั้งกรรมการสอบ หรือลงโทษแบบไหนก็เป็นดุลพินิจของทางบริษัทต้นสังกัด หลังจากนั้นเจ้าตัวสามารถมาแสดงตัวเพื่อดำเนินการเสียค่าปรับศุลกากรได้
“เราพบเพียงบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นของกลาง ไม่พบตัวคนครอบครอง จึงทำได้เพียงยึดของกลาง ส่วนการหาคนผิดและลงโทษ ทางบริษัทการบินไทยจะเป็นผู้ดำเนินการ จะลงโทษหนักหรือเบาเราไม่สามารถไปก้าวก่าย จากนั้นเจ้าตัวสามารถมาแสดงตัวเพื่อรับทราบความผิดและเสียค่าปรับ เพราะคดีนี้ไม่ใช่คดีอาญาร้ายแรง หรือคดีอาชญากรรมฆ่าคนตาย” นายชัยยุทธ ระบุ
นายชัยยุทธ ยังกล่าวถึงการป้องกันเกี่ยวกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกประเทศทั่วไปด้วยการนำเครื่องเอกซเรย์มาติดตั้งเพื่อตรวจกระเป๋าตั้งแต่สายพานว่า จะแล้วเสร็จภายในต้นปีหน้า ซึ่งวัตถุประสงค์หลักคือใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านศุลกากร ด้านการป้องกันสิ่งของต้องห้ามเข้ามาในประเทศ ทั้งอาวุธ ยาเสพติด ซากพืชซากสัตว์ กรณีผู้โดยสารที่นำเข้าสินค้าไม่แน่ใจว่าอยู่ในข่ายต้องเสียภาษีหรือไม่ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร หรือหากพบความไม่เป็นธรรมของการเรียกเก็บภาษี ให้แจ้งต่อหัวหน้าผู้ควบคุมงาน หรือร้องเรียนผ่านสายด่วน 1164 ได้ทันที
ด้าน นางธีระสิน แสงรังษี ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เรื่องนี้ทางบริษัทไม่ได้เกียร์ว่าง ปล่อยปละละเลย เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่การบินไทยเป็นองค์กรคุณธรรม ใครทำผิดต้องได้รับการลงโทษตามระเบียบ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรพบเพียงของกลาง แต่ผู้กระทำผิดทางบริษัททราบแล้วว่าเป็นใคร อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งมีการรายงานความคืบหน้าตลอด และอาจจะเกิดการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนในองค์กร จึงทำให้ดูเหมือนว่าไม่ทำอะไร แต่จริงๆ แล้ว ต้องตรวจสอบให้ละเอียด เพื่อให้คนกระทำผิดจำนนต่อพยานและหลักฐาน ซึ่งเรามีพยานชัดเจนแล้ว ขณะเดียวกันก็จะทำการขยายผล เพราะเชื่อว่าจากพฤติกรรมต้องทำเป็นขบวนการ มีมากกว่า 1 คน ซึ่งต้องตรวจสอบว่ามีใครบ้างมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยง และให้สบายใจว่าทางบริษัทจะไม่ปกป้องคนผิดเด็ดขาด ยิ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดจรรยาบรรณของอาชีพ โดยเฉพาะที่การบินไทยผลักดันและขับเคลื่อนเป็นองค์กรคุณธรรม