แพทย์ ชี้! 'น้องโทนี่' รักษากระดูกสันหลังคดงอได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
แพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น ชี้อาการกระดูกสันหลังคดงอของ “น้องโทนี่” เด็กหญิงวัย 14 ปีชาวอำเภอชุมแพ สามารถรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ต้องใช้เวลาในการบำบัดฟื้นฟูไม่ต่ำกว่า 1 ปี แนะผู้ปกครองหมั่นสังเกตบุตรหลาน หากพบความผิดปกติให้รีบพาไปตรวจทันที
วันที่ 31 ก.ค.62 กรณีนางสุภาพ ดีบุญมี ณ ชุมแพ ผู้ปกครองของ ด.ญ.ปารย์ทองแท้ ดีบุญมี ณ ชุมแพ หรือ “น้องโทนี่” อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนชุมแพศึกษา จังหวัดขอนแก่น ออกเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับความผิดปกติของกระดูกสันหลังของลูกสาวที่มีลักษณะคดงอ หลังจากพาลูกเข้ารับการรักษาอาการป่วยไข้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งแพทย์ได้ทำการเอ็กซเรย์ปอด ทำให้ผู้เป็นแม่ได้เห็นภาพของกระดูกสันหลังที่คดงอของลูกเป็นครั้งแรก และเชื่อว่าอาจเป็นผลมาจากการสะพายกระเป๋านักเรียนที่มีน้ำหนักมากเป็นเวลานาน จึงได้ฝากแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองและโรงเรียนต่างๆ ให้ระมัดระวังบุตรหลานของตนเอง ที่อาจจะสะพายกระเป๋าหนักเกินตัว ทำให้กระดูกสันหลังคดงอเหมือนลูกของตนเองได้
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้นำเรื่องนี้เข้าขอคำปรึกษากับ นพ.พงศธร เหล่าภักดี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ แผนกศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลขอนแก่น เกี่ยวกับอาการกระดูกสันหลังคดงอของน้องโทนี่ ซึ่ง นพ.พงศธร ระบุว่า อาการกระดูสันหลังคดงอ เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น เป็นมาตั้งแต่กำเนิดเมื่อไม่ทำการรักษาก็จะส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการหลังคดงอจะเป็นแบบไม่ทราบสาเหตุ พบมากในเพศหญิงที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต อายุระหว่าง 14-15 ปี บางสาเหตุก็เกิดจากระบบประสาทที่เกิดความผิดปกติ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังเกิดความไม่สมดุล ส่งผลให้เกิดหลังคดได้
นพ.พงศธร กล่าวอีกว่า กรณีของน้องโทนี่ เด็กหญิงวัย 14 ปี ชาวอำเภอชุมแพ ที่ผู้ปกครองเชื่อว่าอาการหลังคดน่าจะมาจากการสะพายกระเป๋านักเรียนที่มีน้ำหนักมากนั้น ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็อาจจะไม่ใช่สาเหตุหลัก เพื่อความแน่ชัดจึงต้องทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งแนวทางการรักษาจากการดูแผ่นเอ็กซเรย์แล้วถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง สามารถรักษาโดยการสวมใส่เครื่องดามกระดูสันหลังเอาไว้ แต่ในกรณีที่เป็นในระดับรุนแรงก็จะต้องทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเพื่อจัดกระดูกให้เข้าที่ ซึ่งวิธีการรักษานี้ผู้ที่มีอาการจะต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟู จึงขอฝากไปถึงผู้ปกครอง โดยเฉพาะผู้ที่มีบุตรหลานเพศหญิงให้หมั่นสังเกตว่า บุตรหลานมีรูปร่างผิดปกติหรือไม่ เช่น ไหล่ทั้ง 2 ข้างเท่ากันหรือไม่ กระดูกสันหลังคดเอียงแค่ไหน รวมทั้งสะบักเท่ากันทั้ง 2 ข้างหรือไม่
เนื่องจากเด็กผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว ผู้ปกครองอาจไม่ค่อยได้สังเกต หากพบความผิดปกติขอให้รีบพามาตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาได้ทันท่วงที รวมทั้งควรหลีกเหลี่ยงการยก แบก หรือสะพายของหนักๆ เป็นเวลานานด้วย