กลยุทธ์ 'การลงทุน' เดือนกุมภาพันธ์
ติดตามปัจจัยสำหรับการลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีอะไรบ้าง ที่เป็นปัจจัยหนุนหรือปัจจัยลบกระทบตลาดหุ้นไทย
สวัสดีครับท่านนักลงทุนกลับมาพบกันอีกครั้ง เพื่อมาคุยกัน เรื่องกลยุทธ์การลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อให้ทราบว่า ท่านนักลงทุน ต้องเตรียมกำหนดกลยุทธ์ อะไรกันบ้างในเดือนนี้
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทย เปิดทำการซื้อขายวันแรกของปีที่ 1,596.85 จุด ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,604.43 จุด ทำจุดต่ำสุดของเดือนที่ 1,507.36 จุด และมาปิดที่ 1,514.14 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 62,752 ล้านบาท (ข้อมูลวันที่ 1-30 มกราคม 2563) (มากกว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 52,467 ล้านบาทต่อวัน)
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย มีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน คือ 1.การลงนามข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน 2.การที่สหรัฐสังหารผู้นำทางทหารของอิหร่าน 3.การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 4.ธนาคารกลางสหรัฐประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50-1.75% (เป็นการเน้นให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และ GDP น่าจะโตประมาณ 2.1%) 5.ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 ทำให้ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยตรง เนื่องมาจากงบประมาณจะล่าช้า 6.โอกาสที่จะมีการปรับลด GDP ของบ้านเราลงอีก 7.ตัวเลขผลประกอบการ ไตรมาส 4 ปี 2562
ส่วนในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม เราคาดว่า SET INDEX จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,500-1,550 จุด และยังคงมีความผันผวนสูง นักลงทุนยังคงต้องติดตามข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ว่ายังมีความรวดเร็วในการแพร่เชื้อและกระจายเป็นวงกว้างหรือไม่ อีกทั้งเรื่องการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 ในวินิจฉัย ทำให้ส่งผลกระทบต่องบการลงทุนใหม่ ๆ ยิ่งงบประมาณล่าช้าเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลร้ายต่อ GDP บ้านเรา และจะกระทบต่อกลุ่มรับเหมา,กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มธนาคาร ส่วนเรื่องผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2562 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมา ภาพรวมคาดไม่น่าจะดี เรื่องนี้นักลงทุนต้องตามอย่างใกล้ชิด
แต่จากการที่ดัชนีปรับตัวลงมาแรง เชื่อว่าน่าจะสะท้อนปัจจัยลบไปมากพอสมควรแล้ว ทำให้เชื่อว่า ดัชนีที่ 1,500 จุดน่าจะรับอยู่
เชื่อว่าการแกว่งตัวผันผวนของดัชนียังคงดำเนินต่อไปอีกในเดือนกุมภาพันธ์ นักลงทุนควรเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่หุ้นปรับตัวลงเท่านั้น ไม่ควรไล่ซื้อหุ้นในวันที่หุ้นขึ้นแรง แต่ถ้าใครติดหุ้นพื้นฐานดี เมื่อหุ้นขึ้นมา ยังไม่ต้องรีบขายตัดขาดทุน เพราะปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยปี 2563 อยู่ที่ 1,650 จุด
ท่านนักลงทุนที่ลงทุนระยะสั้นหวังรีบาวน์ น่าจะเป็นโอกาสที่ดี แต่ควรใช้ Technical เข้าช่วยในการซื้อขาย และที่อยากเน้นย้ำก็คือ ถ้านักลงทุน ซื้อขายแบบรายวัน ดู Technical เป็นหลัก ควรกำหนดจุดตัดขาดทุน เพราะซื้อหุ้นแล้วติดมือ นักลงทุนควรตัดขาดทุนในวันไปเลย ไม่ควรเก็บเข้ามาเป็นหุ้นระยะยาว เพราะตอนซื้อเราไม่ได้ศึกษาปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก เราซื้อเพราะตั้งใจซื้อขายในวัน ดังนั้นถ้าแพ้ควรขายทิ้งเลยครับ
สำหรับท่านนักลงทุนระยะยาว ยังขอให้เน้นถือหุ้นพื้นฐานที่มีธุรกิจ Recurring Defensive และปันผลสูง
สำหรับการซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุน เดือนมกราคม 2563 (ข้อมูลวันที่ 1-30 มกราคม 2563) นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 13,287.16 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 13,106.31 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ขายสุทธิ 1,710.28 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 28,103.74 ล้านบาท
ในเดือนนี้ตลาดหุ้นมีแนวรับอยู่ที่ 1,500 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 1,550 จุด ต้องบอกนักลงทุนว่า ที่ 1,500 จุด เป็นแนวรับที่สำคัญ ถ้าตลาดหุ้นจะดีต่อได้ ดัชนีหุ้นต้องไม่หลุด 1,500 จุด
ก่อนจากกันเช่นทุกครั้ง ต้องบอกกันว่า การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนทุกครั้ง พบกันใหม่เดือนหน้า สวัสดีครับ