โฆษก ศบค. ชื่นชม 25 จังหวัด คุมเข้มไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ในรอบ 14 วัน

โฆษก ศบค. ชื่นชม 25 จังหวัด คุมเข้มเต็มที่ทำให้ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ในรอบ 14 วัน
นนี้ (16 เม.ย. 2563) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนี้
นายกรัฐมนตรีติดตามการใช้งาน AI ช่วยวินิจฉัยโควิ-19 ณ ร.พ. ศิริราช
นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ศบค. ตรวจดูการใช้งานเครื่องมือ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ โดยจากบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ประเทศไทย (จำกัด) ได้มอบให้โรงพยาบาลศิริราช เพื่อใช้วิเคราะห์โรคเชื้อ COVID-19 ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) นับเป็นวิธีหนึ่งในการตรวจวินิจฉัยและติดตามการรักษาในผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งในผู้ป่วยบางรายอาจต้องตรวจซ้ำและเปรียบเทียบอ่านผลภาพการตรวจหลายครั้ง เทคโนโลยี AI จะช่วยให้แพทย์นำมาใช้วินิจฉัยผลตรวจ CT ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมทั้งตรวจดูการทำงานเครื่องอบหน้ากากอนามัย N95 โดยใช้วิธีฉายแสง UV เพื่อฆ่าเชื้อทำให้สามารถนำหน้ากากอนามัยกลับมาใช้ซ้ำได้ถึง 4 ครั้ง จากผลการวิจัยพบว่า เครื่องอบร้อนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการฆ่าเชื้อโรคเพื่อนำหน้ากาก N95 และหน้ากากอนามัยกลับมาใช้ซ้ำ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวผ่าน Tele Conference สอบถามการปฏิบัติงานของบุคลากร ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การดูแลผู้ป่วยขณะนี้ พร้อมยกย่องโรงพยาบาลศิริราชในการพัฒนาระบบการทำงานให้ดีขึ้นเพื่อการดูแลผู้ป่วย
สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทย
รายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 29 ราย กลับบ้านได้ 1,593 ราย รักษาอยู่ 1,033 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,672 ราย 68 จังหวัดทั่วประเทศ เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวม 46 ราย หลังจากการเริ่มประกาศเคอร์ฟิว เมื่อ 3 เม.ย. 63 วันนี้ครบ 14 วัน จึงเป็นผลที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ไม่อยากให้ชะล่าใจและผ่อนปรนเร็วเกินไป พบผู้ป่วยกลุ่มอายุที่ติดเชื้อมากที่สุดคือกลุ่ม 20 - 29 ปี ประกอบด้วย ชาย 380 คน หญิง 252 คน
ผู้เสียชีวิต 3 ราย รายที่ 44 เป็นชาย สัญชาติมาเลเซีย อายุ 55 ปี อาชีพไกด์ทัวร์ ไม่มีโรคประจำตัว มีประวัติเสี่ยงไปประเทศจอร์เจียเมื่อวันที่ 13 – 19 มี.ค. มีลูกทัวร์ป่วยเป็นโควิด-19 เริ่มป่วยวันที่ 21 มี.ค. ด้วยอาการ ไอ เหนื่อย ออกซิเจนในเลือดลดลง ปอดอักเสบ ตรวจพบเชื้อโควิด-19 รักษาตัวได้ 2 สัปดาห์ อาการแย่ลงเรื่อย ๆ และเสียชีวิตในวันที่ 14 เม.ย. รายที่ 45 เป็นหญิงไทย อายุ 35 ปี อาชีพพนักงานบริษัท มีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูง เริ่มป่วยวันที่ 20 มี.ค. ด้วยอาการไอ เหนื่อย กลับมาเข้ารับการรักษาอีกครั้ง ด้วยอาการไอมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น ปอดอักเสบรุนแรง ตรวจพบเชื้อโควิด-19 อาการแย่ลงเรื่อย ๆ และเสียชีวิตในวันที่ 15 เม.ย. รายที่ 46 เป็นชายไทย อายุ 37 ปี อาชีพรับจ้าง มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูงและโรคอ้วน มีประวัติเสี่ยงภรรยาทำงานเป็นพนักงานร้านอาหารย่านสุขุมวิท หลังจากปิดร้านเดินทางกลับจังหวัดปราจีนบุรี เริ่มป่วยวันที่ 22 มี.ค. ด้วยอาการไข้สูง ทอนซิลอักเสบ วันที่ 6 เม.ย. มีไข้สูง หน้ามืด ตรวจพบเชื้อโควิด-19 อาการแย่ลงเรื่อย ๆ และเสียชีวิตในวันที่ 15 เม.ย. กลุ่มผู้เสียชีวิตเหล่านี้เป็นผู้ป่วยที่สะสมมาตั้งแต่เดือนมีนาคม โฆษก ศบค. กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า อัตราการเสียชีวิตก็จะค่อยๆลดลงในอีก14วันข้างหน้า หากยังคงมาตรการเช่นนี้ไว้
สำหรับรายงานผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 29 รายวันนี้ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 14 ราย คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 2 ราย ผู้ที่ติดเชื้อจากการไปสถานที่ชุมชน/ห้าง/ร้าน 1 ราย ปัจจัยอาชีพเสี่ยง 2 ราย และอยู่ในระหว่างการสอบสวนโรค 10 ราย เมื่อจากดูแผนที่แสดงจังหวัดที่รับรักษาพบผู้ป่วยยืนยันสะสมพบว่า ผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานครจำนวน 1,349 ราย ภูเก็ต 191 ราย นนทบุรี 148 ราย สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 96 ราย และอยู่ระหว่างการสอบสวน 70 ราย โดยอัตราผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ต่อประชากรแสนคน จำแนกตามจังหวัดที่รับการรักษา อันดับ 1 คือจังหวัดภูเก็ต รองลงมาคือ กรุงเทพฯ ยะลา ปัตตานี นนทบุรี ตามลำดับ
โฆษก ศบค. ได้กล่าวชื่นชมจังหวัดที่เคยรับการรักษาผู้ป่วยยืนยันแต่ไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 14 วัน ที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันที่ 2-15 เมษายน) ทั้งสิ้น 25 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี จันทบุรี นครนายก บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำพูน ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม สระบุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อน 9 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาถ ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง ซึ่งต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ข้าราชการ ทุกฝ่ายที่ทำงานอย่างเต็มที่รวมทั้งประชาชนที่ให้ความร่วมมือ ทำให้ไม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัดดังกล่าว ขณะเดียวกัน ขอฝากพี่น้องประชาชนในกรุงเทพและนนทบุรีให้ร่วมมือในมาตรการต่างๆ อย่างเต็มที่ เนื่องจากแนวโน้มผู้ติดเชื้อไวรัสในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ยังคงสูงขึ้น