'จับภาพยนตร์ดังทำเกม' กลยุทธ์ตีตลาดโลก 'NetEase'
“เน็ตอีส” (NetEase) ค่ายเกมรายใหญ่ของจีน หวังตีตลาดโลกด้วยเกมจากภาพยนตร์ดัง "แฮร์รี่ พอตเตอร์" และ "ลอร์ดออฟเดอะริง" หลังจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นตลาดที่ 2
หลังจดทะเบียนในตลาดหุ้นในฮ่องกงหมาด ๆ บริษัทผู้พัฒนาเกมออนไลน์จากจีน “เน็ตอีส” เบอร์ 2 รองจากเทนเซ็นต์ในจีน ได้ขยายกิจการสู่ตลาดต่างประเทศอย่างหนักด้วยชื่อแฟรนไชส์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ประกาศแผนพัฒนาเกมออนไลน์ใหม่จากหนังดัง ในชื่อ ลอร์ดออฟเดอะริง: สู่สงคราม จากนวนิยายมิดเดิลเอริ์ธของ เจอาร์ โทลคีน
ทั้งนี้ เกมออนไลน์ใหม่เป็นความร่วมมือกับวอร์นเนอร์ บราเธอร์ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ หลังจากที่เน็ตอีสได้พัฒนาเกม แฮร์รี่ พอตเตอร์: เวทมนต์ที่ปลุกขึ้น เมื่อปีก่อน
การมีชื่อร่วมงานกับแฟรนไชส์ใหญ่ ๆ นับเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่สำคัญของเน็ตอีสในการเข้าสู่ตลาดระดับโลก
“สำหรับเน็ตอีส ยุทธศาสตร์ระดับโลกของเราคือ การมีหน่วยพัฒนาและวิจัยเกมที่แข็งแกร่ง และการร่วมงานกับบริษัทชื่อดังระดับโลก ซึ่งไม่เพียงจะทำให้แบรนด์แข็งแกร่ง แต่ยังช่วยผลักดันให้เราอยากสร้างชื่อในตลาดโลกอีกด้วย” บริษัทกล่าวกับซีเอ็นบีซี
สำหรับแบรนด์ใหญ่ ๆ การร่วมงานกับเน็ตอีส หมายถึงการทำเงินได้ในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดเกมใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนการจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเน็ตอีสระดมทุนได้กว่า 2.10 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง เงินส่วนใหญ่นำไปใช้ขยายตลาดต่างประเทศ บางส่วนนำไปลงทุนในบริษัทเกมต่าง ๆ
“เราคิดว่าการลงทุนในหุ้นข้างน้อย ให้ประโยชน์กับพอร์ตการลงทุนในบริษัทต่างๆ ของเน็ตอีสมากที่สุดในจุดนี้ เพราะมันหมายถึงการเป็นแหล่งทุนใหญ่และนักพัฒนาเกมที่มีชื่อแล้ว และยังส่งเสริมความเป็นอิสระอย่างสร้างสรรค์ให้บริษัททำในสิ่งที่ชื่นชอบ” เน็ตอีสกล่าว
ขณะนี้ เน็ตอีสเข้าไปถือหุ้นในหลายๆ บริษัท เช่นไนแอนติค บริษัทพัฒนาซอฟแวร์สัญชาติอเมริกัน
ที่พัฒนาเกมอย่าง โปเกมอน โก หรือ บีเฮฟวิเออร์ อินเตอร์แอคทีฟ บริษัทจากแคนาดา
การเข้าถือหุ้นข้างน้อยในบริษัทต่าง ๆ ทำให้เน็ตอีสต่างไปจากเทนเซนต์ ซึ่งมักถือหุ้นใหญ่หรือเป็นเจ้าของใหญ่ในบริษัทเล็กกว่า
นักวิเคราะห์มองว่า การระดมทุนล่าสุดจะทำให้เน็ตอีสได้ทุนที่ต้องการในการดำเนินกลยุทธ์นี้
“ผมมองว่าการเพิ่มทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงจะทำให้เน็ตอีสมีพลังที่จะซื้อหุ้นในบริษัทเกมเล็กๆมากขึ้นอีก มันเป็นสูตรสำเร็จที่เทนเซนต์เคยทำมาแล้ว และเป็นสูตรที่เน็ตอีสสามารถทำตามได้” นีล แคมปลิ้ง หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัทวิจัยสื่อและเทคโนโลยีสื่อสาร มิราบาว ซีเคียวริตีส์ ที่ลอนดอนกล่าวถึงเน็ตอีส
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 เน็ตอีสทำรายได้สุทธิถึง 1.7 หมื่นล้านหยวน (2.4 พันล้านดอลลาร์) หรือรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 18.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเกือบ 79% มาจากเกมออนไลน์
เกมที่สร้างชื่อให้กับบริษัท อาทิ “Fantasy Westward Journey” และ “LifeAfter”
รายได้อันดับสองของบริษัทมาจากสิ่งที่บริษัทเรียกว่า ธุรกิจที่สร้างสรรค์และรายได้ “อื่นๆ” ซึ่งรวมถึงการสตรีมมิงเพลง สตรีมมิงการถ่ายทอดสด และสินค้าต่างๆ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 17% ของเงินรายได้ในเดือนมีนาคม
อีก 3% เป็นรายได้จากงานการศึกษาออนไลน์ “ยูเดา” ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยยูเดามีรายได้ถึง 541 ล้านหยวน (76.5 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรก ซึ่งเพิ่มสูงถึง 139.8% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
เน็ตอีสจดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็กเมื่อปี 2543 และเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมาเริ่มขายหุ้นในตลาดฮ่องกงหลังจดทะเบียนเป็นตลาดที่ 2 ราคาอยู่ที่ 123 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น
การจดทะเบียนในตลาดฮ่องกงเกิดขึ้นหลังจากความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐร้อนแรงขึ้นจึงถูกมองว่าอาจเป็นภัยคุกคามกับบางบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยเฉพาะบริษัทจากจีน นักการเมืองสหรัฐกำลังผลักดันให้ตรวจสอบบริษัทจีนมากยิ่งขึ้น ด้วยการเสนอร่างกฎหมายให้ถอดบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นได้