'ศาลปกครอง' พิพากษาก.คลัง ห้ามฉกเงิน 'กองทุนคนพิการ' เกิน 1 พันล้าน
“ศาลปกครอง” สั่งห้ามก.คลัง ฉกเงินกองทุนคนพิการเกิน 1 พันล้าน ชี้กระทบสภาพคล่องและการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ 182/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 405/2560ระหว่าง สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย (ผู้ฟ้องคดี) กับ กระทรวงการคลัง ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ฟ้องว่า กระทรวงการคลัง ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน มีคำสั่งตามหนังสือที่ กค 0406.2 ล.2973 ลว. 30 พ.ย.2559 กำหนดให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นำเงินสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็นของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผู้ฟ้องคดีเห็นว่า เงินกองทุนไม่มีสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็น และมีแนวโน้มที่จะลดลงและไม่เพียงพอที่จะใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ
ทั้งนี้ ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือ ลว. 4 ม.ค. 2560 ขอให้ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ระงับการนำเงินดังกล่าวส่งคลังแล้ว และได้ทราบผลการพิจารณาในเบื้องต้นว่า จะลดเงินนำส่งลงเหลือ จำนวน 1,000 ล้านบาท แต่ผู้ฟ้องคดียังไม่เห็นพ้องด้วย เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขณะที่กระทรวงการคลังมีคำสั่งดังกล่าวนั้น ยังไม่ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ทั้งไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายลำดับรองกำหนดหลักเกณฑ์กรณีดังกล่าวไว้โดยเฉพาะ
อีกทั้งยังมีข้อเท็จจริงตามคำให้การของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้วยว่า การนำเงินของกองทุนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามคำสั่งของกระทรวงการคลัง อาจส่งผลต่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการตามภารกิจในอนาคต และต่อสภาพคล่องของกองทุน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของกองทุนตามกฎหมาย กรณีจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบและเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ศาลปกครองกลางจึงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่กำหนดให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการนำเงินส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดินเฉพาะส่วนที่เกินกว่า 1,000 ล้านบาท