'สุพล-ยุทธพงศ์' โต้เดือดเวทีอนุกมธฯ ปมซื้อ 'เรือดำน้ำ'
อนุกมธ.ประชุมเดือด "สุพล" ยันอนุมัติ "เรือดำน้ำ" ถูกต้อง ด้าน "ยุทธพงศ์" สวนพร้อมสู้ตาย
เมื่อวันที่ 24 ส.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่รัฐสภาว่า นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 โดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมประชุมด้วย
ทั้งนี้ ทันทีที่การประชุมเริ่มขึ้นปรากฎว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยนายสุพล ได้กล่าวต่อประชุมว่า เมื่อสักครู่ตนได้ฟังนายยุทธพงศ์ให้สัมภาษณ์แล้ว ยืนยันว่า ไม่มีมติใดๆ เป็นความเห็นของที่ประชุมที่มีความเห็นให้แขวนเพื่อให้กลับมาชี้แจงใหม่ แล้วนำเอกสารที่ที่ประชุมขอมาประกอบความคิดเห็น
ต่อมา นายยุทธพงศ์ ได้ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก ทางกองทัพเรือได้เข้ามาชี้แจง โดยมีโครงการจัดซื้อ "เรือดำน้ำ" มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท และในที่ประชุมไม่มีอนุกมธ.คนใดเห็นด้วยกับกองทัพเรือในการจัดซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งทุกคนขอให้เลื่อนออกไปก่อน เพราะในภาวะเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังขาดแคลนงบประมาณ โดยไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเร่งรีบ เพราะเรือลำแรกที่จัดซื้อไปแล้วปี 2567 ถึงจะได้เรือดำน้ำเข้าประจำการ แต่กองทัพเรือ ยืนยันที่จะต้องซื้อให้ได้ เพราะเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่มีข้อตกลงร่วมกัน ถ้าไม่ซื้อก็จะเสียความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอาจจะมีการฟ้องร้องได้ เพราะมีสัญญาร่วมกันอยู่ ที่ประชุมจึงมีมติให้นำรายละเอียดกลับมาใหม่ จึงเป็นที่มาของการแขวนเรื่องนี้ไว้ในการประชุมครั้งแรก และเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางกองทัพเรือนำสัญญาให้อนุกมธ.ดู ปรากฏว่า ไม่มีข้อผูกพันใดๆว่า ถ้าซื้อลำแรกแล้ว จะต้องซื้อลำที่ 2-3 ดังนั้น ลำที่ 2 ลำที่ 3 จึงเป็นเรื่องใหม่
จากนั้น บรรยากาศยังตึงเครียด โดยนายสุพล ระบุว่า วันที่ 17 สิงหาคม ความจริงที่ประชุมไม่ได้มีมติ เป็นเพียงความเห็นของที่ประชุม ตนจะให้ฝ่ายเลขานุการ ยืนยัน โดยจะนำบันทึกการประชุมมาดูว่า ไม่ได้มีมติใดๆ อยากถามว่า ในความเห็นของนายยุทธพงศ์มติคืออะไร ทำให้นายยุทธพงศ์ สวนกลับทันทีว่า เรื่องบางเรื่องตนยอมได้ แต่เรื่องนี้มันคือศักดิ์ศรี ท่านก็เคยเป็นถึงรัฐมนตรี ตนก็เคยเป็นเหมือนกัน ดังนั้น ขอให้นำชวเลขและบันทึกเทปการประชุมทั้งหมด มาเปิดเผย
ขณะที่นายสุพล แทรกทันทีว่า มติคืออะไร เพราะไม่ได้มีการลงคะแนน แต่ไม่ได้มีการลงคะแนน นายยุทธ์พงศ์ โต้กลับว่า ถ้าไม่มีคนค้าน ก็ไม่มีการลงคะแนน ก็ถือเป็นมติ ไม่เช่นนั้นจะไปแขวนเรื่องนี้ได้อย่างไร ขอท้าในฐานะเป็นอนุกมธ. ขอบันทึกการประชุมเป็นทางการ แล้วเอามาแฉเลยว่า วันที่ 17 สิงหาคม อนุกมธ.คนใดพูดอะไรไว้บ้าง
"เอามาเปิดเป็นรายคนไปเลยว่ามีอะไรทำให้คนเราเปลี่ยน ใครรักชาติ รักประชาชน หรือใครรักเรือดำน้ำจีน ผมพร้อมสู้ ผมยอมตาย เรื่องเรื่องดำน้ำจีนผมยอมไม่ได้ ประชาชนอดอยากแค่ไหน และผมไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ" นายยุทธพงศ์ กล่าว
ต่อมา นายสุพล ได้ถามนายยุทธพงศ์ถึงการเปิดชื่อนายพล.ป.ที่โทรศัพท์มาสั่งขณะลงมติว่า เอาที่ไหนมาพูด แต่นายยุทธพงศ์ เลี่ยงที่จะตอบคำถาม นายพล.ป โดยย้ำให้นายสุพล นำบันทึกการประชุมออกมาเปิดเผย ซึ่งนายสุพล บอกว่า ไม่มีปัญหา พร้อมกับถามย้ำว่า เรื่องนายพล.ป.เอาที่ไหนมาพูด แต่นายยุทธพงศ์ สวนว่า นายสุพลต้องฟังให้จบ จะนำไปสู่การล็อบบี้หรือไม่ล็อบบี้
นายสุพล จึงชี้แจงว่า อนุกมธ.มีความเป็นห่วงว่า เรื่องนี้นำไปสู่การเมือง ไปปั่นกระแสการเมือง ทุกคนให้ความเห็นว่า กองทัพเรือเลื่อนได้หรือไม่ ซึ่งกองทัพเรือมีเหตุผลที่เลื่อนไม่ได้ เพราะเป็นงบผูกพันมาตั้งแต่ปี 2563 แต่เมื่อฟังรอบที่ 2 เขาก็มีเหตุผล จึงเป็นสิทธิอนุกมธ.จะตัดสินใจ นายยุทธพงศ์ไม่มีสิทธิที่จะบอกว่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม เห็นอย่างหนึ่ง แล้วอีกวันเห็นอีกอย่างหนึ่ง นายยุทธพงศ์ไม่ควรก้าวล่วงว่า คนที่ไม่เห็นด้วยกับนายยุทธพงศ์คือคนไม่รักชาติ แต่ทุกคนมีเหตุผล เพราะเป็นผู้ใหญ่กันแล้วเราจะมีกองทัพไว้ทำไม บ้านก็ต้องมีกำแพง กองทัพก็ต้องการขีดความสามารถ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า อำนาจในการตัดสินอยู่กมธ.งบประมาณฯ คณะใหญ่ แต่ตนติดใจนายพลป.ว่า คือใครที่ นายยุทธพงศ์บอกว่า โทรมาหาตนก่อนที่จะตัดสินใจ
ด้านนายยุทธ์พงศ์ สวนว่า เมื่อลงมติเสมอกัน 4 ต่อ 4 ตนได้ขอร้อง 2 ครั้งว่า ไม่ให้ลงมติ เพราะต้องเป็นกลาง ให้ส่งไปให้กมธ.งบประมาณฯ คณะใหญ่เลย ซึ่งตนรู้ว่า ประธานก็อึดอัดใจในการลงมติ ทำให้นายสุพล ยอมรับว่า ตนอึดอัดจริง แต่เมื่อคะแนนเสมอกัน 4 ต่อ 4 ก็ได้ถามว่า ข้อบังคับฯเขียนอย่างไร ซึ่งฝ่ายเลขาฯระบุว่า ประธานต้องชี้ขาด ตนจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ตามข้อบังคับ
"ผมยอมรับว่า อยู่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ เป็นฝ่ายรัฐบาล และจากการฟังคำขี้แจงของกองทัพเรือก็ฟังขึ้น จึงเป็นสิทธิของพวกผมที่จะลงมติ และเป็นเพียงแค่ชั้นอนุกมธ. คนตัดสินคือกมธ.งบประมาณฯ คณะใหญ่ทบทวน แล้วในวาระ 2 และ 3 ในที่ประชุมสภา ก็ยังมีสิทธิตัดได้ ที่สำคัญอยู่ที่รัฐบาลด้วย ถ้ารัฐบาลเห็นว่า สถานการณ์ไม่เหมาะสมเรื่องนี้จะไปเติมไฟเต็มบ้านเต็มเมืองสร้างความวุ่นวายอาจจะถอยก็ได้ ผมไมได้ห่วงอนาคตตัวเอง ผมห่วงอนาคตบ้านเมือง เราจะอยู่กันแบบไร้เหตุไรผล ไม่ฟังอะไรเลยหรือ กองทัพเรือเขามีเหตุผล ไม่ใช่ไปปั่นกระแสทุกเรื่องเป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด แล้วเราจะอยู่กันอย่างนี้หรือ" นายสุพล กล่าว
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำนายยุทธพงศ์ว่า คนที่บอกว่า นายพล.ป.โทรศัพท์มาล็อบบี้เป็นใคร นายยุทธ์พงศ์ ได้แต่หัวเราะ โดบระบุ่ว่า "อย่าให้บอกเลย" ก่อนที่นายสุพล จะตัดบทให้จบทันที เพราะไม่อยากให้แตกแยกไปมากกว่านี้จนทำด้วยกันไม่ได้ ถึงอย่างไรเราก็ต้องทำงานด้วยกันต่อไป ก่อนเชิญสื่อมวลชนออกจากห้องประชุม