Have Fund จัดพอร์ตลุย ‘สินทรัพย์รอบโลก’
ตลาดการลงทุนระยะสั้นยังเต็มไปด้วย “ความผันผวนสูง” จากทั้งปัจจัยเรื่อง การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การกลับมาแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหลายๆ ประเทศ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอลง รวมไปถึงประเด็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ระหว่าง จีน-สหรัฐ
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ "การจัดพอร์ต” แบบ “Asset Allocation” เป็นธีมหลักยอดฮิตในปีนี้ ด้วยรูปแบบกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ จะสามารถช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะสั้น และสามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในยาวให้แก่นักลงทุน
หนึ่งในกองทุนที่มีสไตล์การจัดพอร์ตดังกล่าวและเหมาะสำหรับ “นักลงทุนทั่วไป” ที่ไม่ต้องการความเสี่ยงมาก แต่สร้างโอกาสการลงทุนในระยะยาว คือ “ กองทุนบีแคป โกลบอล เวลท์ 50 หรือ (BCAP-GW50)” ซึ่งเป็น 1 ใน 5 กองซีรีส์ของกองทุนเปิดบีแคป โกลบอลเวลท์ (BCAP Global Wealth : BCAP GW) ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุด
ผลตอบแทนกองทุน BCAP-GW50 ยังคง “ชนะตลาด” ณ 28 ก.ย. 2563 มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีที่ 0.57% และย้อนหลัง 1 ปีที่ 1.49% เทียบกับ benchmark ที่ 0.3% , 1.31% ขณะที่ ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนในกลุ่มเดียวกันย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -7.71 %
ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 1.99% และย้อนหลัง 6 เดือนที่ 9.47% ยังสูงกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยผลตอบแทนในกลุ่มเดียวกันที่ -2.93% และ 5.47%
กองทุน BCAP-GW50 เป็นกองทุนรวมผสมท่ี่มีนโยบายเปิดให้ลงทุนในกองทุนรวมอื่นภายใต้บลจ.เดียวกัน (Cross Investing Fund) , กองทุนรวมหน่วยลงทุน (Fund of Funds) รวมถึงกองทุนรวมที่ลงทุนแบบมีความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ จะลงทุนในตราสารทุนและสินทรัพย์ทางเลือก รวมกันไม่เกิน 50% ของ NAV ซึ่งเน้นพอร์ตเติบโต สามารถรับผลขาดทุนได้บ้าง
ขณะเดียวกันผู้จัดการกองทุนจะติดตามดูแลการลงทุนอย่างใกล้ชิด ปรับการลงทุนให้เหมาะกับสภาวะตลาดโดยแนวทางการปรับพอร์ตการลงทุน 1.ปรับน้ำหนักตามประเภทสินทรัพย์ ตราสารทุน, ตราสารหนี้ และทรัพย์สินทางเลือก 2.ปรับระหว่างภูมิภาคต่างๆกัน
ทางด้านทรัพย์สินที่ลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรกของ กองทุน BCAP-GW50 (ณ ส.ค.2563) ได้แก่ กองทุนเปิดบีแคป โกลบอล อิควิตี้ (BCAP-GE) 21.16%, กองทุนเปิดบีแคป โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม แอลโลเคชั่น (BCAP-GFIA) 20.56%, กองทุนเปิดบีแคป โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ออพพอร์ทูนิตี้ (BCAP-GFIO) 20.52% , กองทุนเปิด BCAP SET 100 ETF (BSET100) 10.88% และกองทุนเปิดบีแคป โกลบอล แทคทิเคิล (BCAP-GTAC) 9.32%
อย่างไรก็ดี กองทุน BCAP-GW50 เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงพร้อมรับโอกาสจากการลงทุนในต่างประเทศ และรับความเสี่ยงและความผันผวนของตราสารทุนและตราสารหนี้ได้ และเหมาะกับผู้ลงทุนในระยะยาว
ส่วนทางด้านความเสี่ยงของ กองทุน BCAP-GW50 จะมีในเรื่องความเสี่ยงค่าเงิน แต่กองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามผู้จัดการกองทุนและมีการลงทุนในอนุพันธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน โดยการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินที่ขึ้นอยู่กับผู้จัดการกองทุน และความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ไปลงทุนที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
สำหรับค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจริงจาก กองทุน BCAP-GW50 แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 1.34% ต่อปี และค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน0.535 % ต่อปี ปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุน อยู่ที่ 10.1523บาทต่อหน่วย มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 605.33 ล้านบาท(ณ 28 ก.ย.2563 ) นโยบายของกองทุนไม่มีการจ่ายปันผล
ดังนั้นในเมื่อเราไม่รู้อนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้น การลงทุนไปรอบโลกด้วยกลยุทธ์ “Asset Allocation” เป็นอีกหนึ่งเคล็ดไม่ลับ ที่ทำให้เราไม่พลาดโอกาส และไม่เสี่ยงที่จะขาดทุน อีกทั้งในระยะยาวแล้ว “จะได้ประโยชน์ค่อนข้างดี” เพราะสินทรัพย์ที่ดีจะเป็นขาขึ้นในระยะยาว แต่ในระยะสั้นๆ อาจมีตกลงบ้างตามวัฏจักรของเศรษฐกิจ