อัตราติดโควิด-19 ผู้เข้า'สถานที่กักกัน'แต่ละประเภท
สธ.ทบทวนด่วนมาตรการASQ ป้องกันติด-แพร่โควิด-19 จัดระบบผ่อนคลายตามความเสี่ยงประเทศต่ำ-กลาง-สูง ตั้งคกก.ติดตามเป็นระยะ ระบุผิดทำมาตรฐานร้ายแรงทำคนติดเชื้อ-แพร่ต่อ เพิกถอนการเป็นASQ เผยอัตราติดเชื้อคนเข้าพักASQไม่สูงกว่าSQอื่นๆ สะท้อนมาตรฐานเอาอยู่
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า สถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก(Alternative State Quarantine:ASQ)เป็นจุดหนึ่งที่อยู่ในระบบที่จะทำให้ระบบการจัดการกับโรคโควิด-19มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ปัจจุบันมีโรงแรมที่เข้าร่วมทั้งหมด 131 แห่งผ่านการประเมินมาตรฐาน 101 แห่ง มีห้องพักประมาณ 13,000 ห้อง และสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือกระดับพื้นที่(Alternative Local State Quarantine:ALSQ) ในจ.บุรีรัมย์ ชลบุรี สุราษฎร์ธานีและภูเก็ตมีโรงแรม 21 แห่ง ประมาณ 1,460 ห้อง ถือว่าเพียงพอในการรองรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและสมัครใจจ่ายเงินเองในการเข้ากักตัว โดยมีอัตราการใช้ประมาณ 30-50 %ของโรงแรมแต่ละแห่ง ทั้งนี้ ก่อนที่จะได้รับการอนุญาตให้เป็น ASQ จะต้องผ่านประเมินใน 6 หมวด คือ โครงสร้างอาคาร บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ การจัดการสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับชุมชน และมีโรงพยาบาลคู่ขนานในการรับผู้ป่วยเข้าไปดูแล
นพ.ธเรศ กล่าวอีกว่า ล่าสุดเมื่อพบกรณีที่หญิงฝรั่งเสศติดโควิด-19ในASQแห่งหนึ่งนั้น คณะกรรมการววิชาการในการตรวจประเมิน พบว่ามีหลายจุดที่ต้องมีการทบทวนจุดสำคัญ ได้แก่ 1.การอนุญาตญาตให้ออกจากห้องได้ เพื่อพักผ่อนหรือ ออกกกำลังกาย 2.อนุญาตให้เข้าไปทำความสะอาดห้องพัก 2 วันต่อครั้ง 3.ให้บริการซักเสื้อผ้าของผู้ถูกกักกัน 4.อนุญาตให้ออกกำลังกายและทำกิจกรรมในห้องฟิตเนส และ5.การปะปนการให้บริการ ทั้งนี้คณะกรรมการมาตรฐานจะพิจารณาปรับให้ปลอดภัยแต่ยังดูแลให้ความสะดวกพอสมควรภายในสัปดาห์หน้า แม้ว่าที่ผ่านมาโรงแรมแต่ละแห่งจะต้องทำให้เห็นก่อนว่ามีระบบป้องกันการติดเชื้อก่อนที่จะผ่านประเมินเป็น ASQ ก็ตาม
แนวทางคือจะมีการจัดระบบกลุ่มบุคคลที่เข้ากักตัวในASQ ตามระดับความเสี่ยงของประเทศต้นทาง โดยพิจารณาจากจำนวนผู้ป่วยใหม่โควิด-19เฉลี่ยจากข้อมูลย้อนหลัง 14 วัน ผลการประเมิสนตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ และดัชนีการฟื้นตัวของประเทศจากโควิด-19 เป็นกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน เป็นต้น เสี่ยงปานกลาง เช่น แคนาดา และเสี่ยงสูง เช่น สหรัฐอเมริกา บังกลาเทศ บราซิล สเปน เป็นต้น ในการพิจารณาอนุญาตให้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากขึ้น หากเสี่ยงต่ำอาจจะมีการผ่อนคลายความสะดวกมากกว่าเสี่ยงสูง
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาระบบว่างไว้ดิแต่อาจจะมีบางโรงแรมที่ยังไม่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สบส.จึงได้กำชับให้ทำตามแนวทางเคร่งครัด และเมื่อเปรียบเทียบการติดเชื้อของผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้าพักในASQ ไม่ได้แตกต่างจากสถานที่กักกันรูปแบบอื่นๆ โดยพบว่าสถานที่กักกันโดยรัฐ(State Quarantine:SQ) ผู้เดินทางเข้า 72,813 ราย ติดเชื้อ 601 ราย อัตราติดเชื้อ 0.83%
ASQ ผู้เดินทางเข้า 25,113 ราย ติดเชื้อ 105 ราย อัตราติดเชื้อ 0.42% สถานที่กักกันดดยรัฐระดับพื้นที่(Local State Quarantine:LQ) ผู้เดินทางเข้า 31,470 ราย ติดเชื้อ 82ราย อัตราติดเชื้อ 0.26% สถานที่กักกันทางเลือกในสถานพยาบาล( Alternative Hospital Quarantine:AHQ)และสถานที่กักกันในสถานพยาบาล (Hospital Quarantine:HQ)ผู้เดินทางเข้า 1,329 ราย ติดเชื้อ 13ราย อัตราติดเชื้อ 0.98% และสถานที่กักกันโดยองค์กรหรือหน่วยงาน(OQ)ผู้เดินทาง4,358 ราย ติดเชื้อ 6ราย อัตราติดเชื้อ 014% สะท้อนเห็นว่ามาตรฐานต่างๆที่จัดไว้ให้ASQ ยังใช้ได้ เพียงแต่อาจจะต้องปรับปรุงบางจุด
“จะมีการตั้งคณะทำงานในการติดตามASQหลังผ่านประเมินและดำเนินการไปแล้วระยะหนึ่ง โดยมีรองปลัดสธ.เป็นประธาน ในลงตรวจASQ9เป็นระยะๆ ตามความเสี่ยง หรือมีการร้องเรียน หากพบมีการดำเนินที่หย่อนยานจะใช้มาตรการทางปกครอง ตั้วงแต่การสั่งปรับปรุงจุดอ่อน สั่งระงับการรับผู้เข้าพักและอาจเพิกถอนการเป็นASQในกรณีที่ไม่ได้ทำตามไกด์ไลน์ มีผู้ติดเชื้อและแพร่เชื้อคนอื่น” นพ.ธเรศกล่าว