เคาะราคาอ้อยขั้นสุดท้าย 2 ฤดูกาลจ่ายโรงงานอ่วม 2.2 หมื่นล้าน
ครม.เคาะราคาอ้อยขั้นสุดท้าย 2 ฤดูกาล ปี 60-61และ 61-62พบราคาต่ำกว่าราคาอ้อยขั้นต้น ต้องจ่ายส่วนต่างให้โรงงาน 22,799.21ล้านบาท ขยายเวลาชำระหนี้เงินกู้โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี 62-64
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ระดับความหวาน10ซีซีเอส ฤดูการผลิต ปี60-61ในอัตรา790.62บาทต่อตัน และผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทราย338.84บาทต่อตัน ส่วนฤดูการผลิต ปี61-62กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย อยู่ในอัตรา680.77บาทต่อตัน และผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทราย291.76บาทต่อตัน
อย่างไรก็ตามในการดำเนินโครงการทั้ง2ฤดูการผลิตนั้น พบว่ามีราคาต่ำกว่าอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ดังนั้นกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจึงต้องจ่ายชดเชยให้กับโรงงาน รวม22,799.21ล้านบาท โดยในฤดูการผลิต ปี60-61จ่ายเงินรวมทั้งสิ้น19,730.74ล้านบาท ส่วนในฤดูการผลิต ปี61-62จ่ายเงินรวมทั้งสิ้น3,068.47ล้านบาท ซึ่งรายได้จากโรงงานนำส่งเข้ากองทุนรวม2ฤดูการผลิตนั้นอยู่ที่4,649.46ล้านบาท โดยสถานะของกองทุน ณ สิ้นปี62 มีสถานะทางการเงินติดลบ5,800ล้านบาทซึ่งทางเลขาฯกองทุน จะมีการชี้แจงแผนการดำเนินงาน โดยเฉพาะการเงินในส่วนที่ติดลบนี้ให้กระทรวงอุตสาหกรรมต้นสังกัดต่อไป
ทั้งนี้ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้ทบทวนมติครม.เมื่อวันที่11มิ.ย.62เรื่องการขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี62-64 สำหรับเงินกู้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย รวมถึงการปรับพื้นที่ปลูกอ้อยจากเดิมที่มีการขยายระยะเวลาชำระเงินเสร็จสิ้นจากเดิมไม่เกิน4ปี เป็นชำระไม่เกิน6ปี แต่ไม่เกินวันที่30ก.ย.70 และเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลทางการเกษตร ขยายเวลาชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน8ปี จากเดิม6ปี แต่ไม่เกินวันที่30ก.ย.72
พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยโครงการในปี59-61และโครงการในปี62-64เป็นระยะเวลา1ปี ซึ่งเรื่องดังกล่าวคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้เห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยในเรื่องนี้แล้วโดยกระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งว่า การพักชำระหนี้และดอกเบี้ยครั้งนี้ โดยดอกเบี้ยโครงการในปี59-61มีงบประมาณที่ใช้เพียงพอแต่โครงการในปี62-64จำเป็นต้องขอจัดสรรกรอบวงเงินเพิ่มเติมอีก180ล้านบาท ซึ่งโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรครั้งนี้ เป็นการให้สินเชื่อเพื่อนำไปพัฒนาแหล่งน้ำ รวมทั้งเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลทางการเกษตรเช่นรถตัดอ้อย เพื่อแก้ปัญหาอ้อยไฟไหม และลดปัญหาฝุ่น พีเอ็ม2.5