พาณิชย์เปิดรับฟัง 'มาม่า' ค้านภาษีเอดีฟิล์มบีโอพีพี
กรมการค้าต่างประเทศเปิดทาง “มาม่า” และผู้ประกอบการทุกกลุ่มที่ใช้สินค้าสำเร็จรูปที่ทำจากฟิล์มบีโอพีพี ยื่นเอกสารหลักฐานแสดงผลกระทบได้ เหตุยังอยู่ในช่วงการพิจารณาและรับฟังความคิดเห็นการใช้มาตรการเอดี ชี้จะช่วยให้ภาครัฐมีข้อมูลรอบด้าน
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมฯ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาการเปิดไต่สวนการทุ่มตลาด (เอดี) สินค้าฟิล์มบรรจุภัณฑ์ไบแอคเซียลลี ออเรียนเต็ดโพลิโพรพิลีน หรือฟิล์มบีโอพีพี ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยได้มีการรับฟังความคิดเห็นทั้งจากผู้ประกอบการในประเทศ ผู้ใช้ในประเทศ และยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ใช้สินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากฟิล์มบีโอพีพีทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร ยา เวชภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค ที่เห็นว่าอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีเอดี สามารถที่จะยื่นรายละเอียดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมาให้กรมฯ ใช้ประกอบการพิจารณาได้
“ล่าสุดที่มาม่าออกมาระบุว่าหีบห่อทื่ใช้ในการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะได้รับผลกระทบ ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น จากการขึ้นภาษีเอดี กรมฯ ก็ขอให้มาม่ายื่นรายละเอียดผลกระทบมาว่าเป็นอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ของกรมฯ อยู่แล้ว ที่ต้องรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน และยังจะทำให้รัฐมีข้อมูลในการพิจารณาครบทุกภาคส่วน โดยอุตสาหกรรมที่ใช้บรรจุภัณฑ์อื่นๆ นอกเหนือจากมาม่า ก็สามารถยื่นแสดงผลกระทบเข้ามาได้เช่นกัน กรมฯ พร้อมที่จะรับฟัง”
ทั้งนี้ กรมฯ ไม่ได้เปิดโอกาสให้แค่อุตสาหกรรมที่ใช้บรรจุภัณฑ์ ที่จะได้รับผลกระทบจากการใช้เอดี แต่เปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก หรือทินเพลต (วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตกระป๋องบรรจุอาหาร) ที่กรมฯ กำลังพิจารณาใช้มาตรการเอดีหรือเซฟการ์ด สามารถยื่นผลกระทบเข้ามาได้ด้วย
นายกีรติ กล่าวว่า การยื่นรายละเอียดผลกระทบจะเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมเอง เพราะผลกระทบเหล่านี้ จะถูกนำไปใช้ประกอบการเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) พิจารณาว่าจะประกาศเรียกเก็บเอดีหรือไม่ โดยตาม พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ ได้เขียนไว้ชัดเจนในมาตรา 7 ว่า การใช้มาตรการเอดี ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณประกอบกัน
ก่อนหน้านี้ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “มาม่า” ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่กระทรวงพาณิชย์กำลังพิจารณาใช้มาตรการเอดีกับสินค้าฟิล์มบีโอพีพี เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างกับทุกอุตสาหกรรมที่ใช้บรรจุภัณฑ์เป็นวัตถุดิบ โดยมาม่าจะมีต้นทุนสูงขึ้นจากปัจจุบันที่มีต้นทุนหีบห่อโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 10% ของต้นทุนรวม หรือคิดเป็น 0.50 บาทต่อซอง และหากมีการใช้เอดีจริง จะทำให้แบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว อาจจะต้องใช้การปรับขึ้นราคา ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะไม่อยากให้กระทบผู้บริโภค