จับตาเชื่อมั่นค้าปลีก เม.ย. หลังดีขึ้น 2 เดือน ก.พ.-มี.ค.

จับตาเชื่อมั่นค้าปลีก เม.ย. หลังดีขึ้น 2 เดือน ก.พ.-มี.ค.

ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าและบริการปรับตัวดีขึ้นเพียง 2 เดือน ก.พ.-มี.ค. จากปัจจัยหลักแคมเปญส่งเสริมการขายของร้านค้าที่เข้มข้น-โควิดเริ่มคลี่คลาย ก่อนกลับแพร่ระบาดรอบใหม่ เม.ย.

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทยร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ทำการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกไทย (TRA Retailer Sentiment Index) ในทุกภาคส่วนของค้าปลีกสินค้าและค้าปลีกบริการทุกๆ เดือน โดยเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เป็นการสำรวจทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 15-24 มี.ค.2564 มีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามประกอบด้วยร้านค้าปลีกสินค้าทั่วประเทศ ซึ่งมีช่องทางจำหน่ายรวมกันกว่า 23,000 แห่ง และร้านค้าปลีกบริการภัตตาคารร้านอาหาร ที่มีช่องทางบริการกว่า 6,000 แห่ง

ผลสำรวจในเดือนมี.ค.2564 พบว่า ในภาพรวมความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกปรับดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ก.พ. จากการส่งเสริมการขายของร้านค้า และกระแสการแพร่ระบาดบรรเทาลง

อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่ต้องจับตา ได้แก่ มาตรการการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มข้น การเร่งฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงเพื่อเตรียมพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก (TRA Retailer Sentiment Index) สำรวจในเดือนมี.ค.2564 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

1.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกทั่วประเทศ

ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก เดือนมี.ค.2564 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือน ก.พ.เล็กน้อย และสูงกว่าระดับเกณฑ์ค่าเฉลี่ย 50 เมื่อเทียบกับดัชนีเดือนมกราคมต่อดัชนีเดือนก.พ.ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นมาก เป็นการเพิ่มขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิดระลอกใหม่เดือนม.ค.ได้คลี่คลาย ผู้ประกอบการเชื่อมั่นในมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาด ควบคู่กับการทำโปรโมชั่นของร้านค้า

ถามถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบติดตามความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนและคาดหวังว่าน่าจะดีขึ้น ข่าวที่ภาครัฐทำการฉีดวัคซีนกลางเดือนมี.ค.ส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น และมองถึงผลการเปิดประเทศแก่นักท่องเที่ยวในเร็ววัน

2.ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ ต่อยอดขาย ยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จ (Spending per Bill หรือ Per Basket Size) และความถี่ในการใช้บริการ (Frequency)

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการต่อการเติบโตยอดขายสาขาเดิมเดือนมี.ค. same store sale growth (SSSG) เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. ปีที่แล้ว (Year on Year) มีทิศทางที่ดีเพิ่มขึ้นมากอย่างชัดเจน และสูงกว่าระดับเกณฑ์ค่าเฉลี่ยที่ 50 ยอดขายสาขาเดิม ของปีนี้เพิ่มขึ้นสูงกว่ายอดขายสาขาเดิมเมื่อปีที่แล้วในช่วงเดือนมี.ค.เดียวกันอย่างชัดเจน สะท้อนว่ายอดขายสาขาเดิมเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจัย Spending per Bill หรือ Per Basket Size พบว่า เดือนมี.ค. ยอดจับจ่ายต่อบิลลดลงเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ลดลงและยังฟื้นตัวไม่ดีมาก บ่งบอกถึงความกังวลในการจับจ่ายของผู้บริโภคได้ระดับหนึ่ง 

ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจัยความถี่ในการจับจ่าย (Frequency on Shopping) เดือนมี.ค. กลับสูงกว่าเดือน ก.พ.เล็กน้อย และก็สูงกว่าดัชนีปัจจัย ความถี่ในการจับจ่าย (Frequency on Shopping) หลายเดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในมาตรการการหยุดการแพร่ระบาดไวรัสระลอกใหม่ ประกอบกับการทำโปรโมชั่นของร้านค้ากระตุ้นให้เกิดความถี่ในการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง

3.ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิมแยกตามภูมิภาค

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการต่อยอดขายสาขาเดิมแยกตามภูมิภาค จะพบว่า เดือนมี.ค. กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. ยกเว้น ภาคกลางและภาคใต้ ที่ดัชนีความเชื่อมั่นทรงตัว

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ค้าปลีกแยกตามภูมิภาค กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น ผลจากการกระตุ้นการบริโภคภาครัฐและความเชื่อมั่นในมาตรการการควบคุมแพร่ระบาดที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่ภาคกลาง ยังได้รับผลกระทบจากการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัว และภาคใต้ยังรอคอยผลสรุปจากมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นรูปธรรมชัดเจน

ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นใน 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นถึงมาตรการภาครัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิดระลอกใหม่ และความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนจากภาครัฐ

4.ดัชนีความเชื่อมั่นแยกตามประเภทร้านค้า

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเมื่อจำแนกตามประเภทร้านค้าปลีก เปรียบเทียบระหว่างเดือนมี.ค. และ เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่า มีความแตกต่างตามประเภทร้านค้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะร้านค้าปลีกประเภทภัตตาคาร ร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มสูงกว่าร้านค้าปลีกประเภทอื่นๆ สวนทางกับ ดัชนีความเชื่อมั่นของร้านค้าสะดวกซื้อที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยและอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ 50

ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ยังคงมีความหวั่นวิตกต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ จากเมื่อเดือน ม.ค.จนถึงเดือน มี.ค. ก็ยังคงมีกระแสข่าวคราวประชาชนที่ติดเชื้อมาเดินตามห้างสรรพสินค้า ทำให้ต้องมีการปิดเพื่อพ่นยาฆ่าเชื้อเป็นระยะ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคลดลง การเข้ามาสัญจรในห้างสรรพสินค้า ลดลงเล็กน้อย ประกอบกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ามีความกังวลต่อมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐที่ไม่ได้ส่งผลต่อการจับจ่ายของห้างสรรพสินค้า ทำให้ห้างสรรพสินค้าต้องพึ่งการส่งเสริมการขายของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ามีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า จากข่าวคราวการเริ่มทยอยฉีดวัคซีนและคาดหวังการเปิดประเทศในเร็ววัน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการร้านค้าปลีกประเภท ไฮเปอร์มาร์เก็ต ลดลงจากเดือน ก.พ.เล็กน้อย สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ประชาชนจับจ่ายสินค้ามูลค่าต่อครั้งมากๆ per spending หรือ per basket ขนาดใหญ่ ที่ลดลง ประกอบกับผู้ประกอบการมีความกังวลต่อมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ไม่ได้ส่งผลต่อการจับจ่ายของร้านค้าปลีกประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต แต่เมื่อถามถึงดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ตมีความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นจากมาตรการการขยายการฉีดวัคซีนและความหวังจากการเปิดประเทศในเร็ววัน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการร้านค้าปลีกประเภท ซูเปอร์มาร์เก็ต พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ.เล็กน้อย สะท้อนถึงการจัดโปรโมชั่นที่เข้มข้นและได้ผลระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้อนิสงจากมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐแต่อย่างใด เมื่อพิจารณาถึงดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการประเภทซูเปอร์มาร์เก็ตกลับมีความเชื่อมั่นที่ลดลง สะท้อนถึงความกังวลต่อมาตรการภาครัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจใน 3 เดือนข้างหน้า ที่ร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้ประโยชน์แต่ต้องโหมกระหน่ำโปรโมชั่นเพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทสะดวกซื้อ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 ในขณะที่เดือน ก.พ. ยังอยู่ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 ค่อนข้างมาก สะท้อนถึง การส่งเสริมการขายที่เข้มข้นส่งผลให้การเพิ่มความถี่ในการจับจ่ายที่ได้ผล ทั้งนี้ ร้านค้าสะดวกซื้อก็ไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเช่นเดียวกับร้านค้า modern chain อื่นๆ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 ข้างหน้า ของผู้ประกอบการร้านค้าสะดวกซื้อทรงตัว สะท้อนถึงผู้ประกอบการร้านค้าสะดวกซื้อไม่มีความมั่นใจในมาตรการภาครัฐที่จะช่วยให้กำลังซื้อในร้านค้าสะดวกซื้อเพิ่มขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งและซ่อมบำรุง ในเดือนมีนาคม มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยืนเหนือระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นว่า ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ยังคงได้รับแรงหนุนจาก การปรับวิถี New Normal ทำงานที่บ้าน (WFH) ทำให้มีความนิยมในการปรับภูมิทัศน์ภายในที่อยู่อาศัย ประกอบกับ เดือนมีนาคมเป็นระยะผ่านของการจัดซื้อจัดจ้างงบประมาณก่อสร้างภาครัฐที่เข้าสู่การก่อสร้างโครงการ คำสั่งการสั่งซื้อเริ่มทยอยมา

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการร้านอาหาร ภัตตาคาร และเครื่องดื่ม มีความเชื่อมั่นลดลงแต่ก็ยังยืนระดับเหนือค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 ค่อนข้างชัดเจน สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบมีความเชื่อมั่นต่อมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐ ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการร้านอาหารภัตตาคาร เครื่องดื่ม ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในแผนการฉีดวัคซีนและการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

5.การประเมินผลกระทบต่อยอดขายและกำลังซื้อและผลกระทบต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ 

ผู้ประกอบกว่า 80% ประเมินว่า ยอดการจับจ่ายและการใช้บริการ (Traffic) เพิ่มขึ้น 10% จากเดือน ก.พ. และกว่า 80% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ประเมินว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคในเดือนมี.ค. 44% จับจ่ายเท่าเดิม และ  34% จับจ่ายเพิ่มขึ้นไม่เกิน 25% เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. ที่ผู้บริโภคมากกว่า 80% โดย  34% จับจ่ายเท่าเดิม และ 44%  จับจ่ายเพิ่มขึ้นไม่เกิน 25% สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ยังไม่แข็งแรงและเท่าเดิมเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด

6.ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ

ทั้งนี้ผู้ประกอบคาดหวังให้ภาครัฐกระตุ้นการจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกภาคธุรกิจ รวมถึงเพิ่มช่องทางการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและเงินสนับสนุนจากรัฐให้หลากหลาย พร้อมเร่งสร้างความเชื่อมั่นในมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาด และการเร่งฉีดวัคซีนแก่ผู้เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง