โพลล์ภาพ 'ตลาดหุ้นสหรัฐ' กลางปี 64
เปิดโพลล์ภาพ "ตลาดหุ้นสหรัฐ" ปี 2564 จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการกองทุนทั่วสหรัฐ ที่ส่วนใหญ่มองว่าจะมีผลประกอบการที่ดี ขณะที่ลูกค้าของผู้จัดการกองทุน ส่วนใหญ่มองตลาดหุ้นสหรัฐไว้แบบกลางๆ ถึงในแง่ดี โดยจะลงทุนตราสารทุนใน 12 เดือนถัดไป
ในช่วงกลางปีของทุกปี ทางดาวน์โจนส์จะทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการกองทุนทั่วสหรัฐ ในปี 2564 ผลปรากฏออกมาเป็นดังนี้
เริ่มจากมุมมองตลาดหุ้นสหรัฐก่อน โดยสองในสามของผู้ถูกสอบถามทั้งหมดเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในปี 2564 จะมีผลประกอบการที่ดี ราวเกือบหนึ่งในสี่ของทั้งหมดมองแบบปานกลางกับตลาด และอีกร้อยละ 7 มองตลาดว่าจะไม่ดี ซึ่งถือว่าลดลงครึ่งหนึ่งจากปีที่แล้ว โดยกลุ่มแรกประเมินว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐจะสูงขึ้นราวร้อยละ 5 จากวันนี้ ในขณะที่กลุ่มสุดท้าย มองว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐจะลดลงราวร้อยละ 10
ในขณะที่มีผู้จัดการกองทุนราวร้อยละ 40 ของทั้งหมด มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งขณะนี้มีอัตราส่วน P/E ที่ 23 เท่าของค่าเฉลี่ยกำไรต่อหุ้นที่ 178 ดอลลาร์ มีดัชนีที่สูงเกินกว่าระดับที่เป็นมูลค่าที่เหมาะสมของตนเอง โดยผู้ที่มองในมุมดังกล่าวส่วนใหญ่ประเมินว่าดัชนีสูงเกินมูลค่าที่เหมาะสมระหว่างร้อยละ 11-15
ส่วนอันดับความเสี่ยงสูงสุดที่ถูกมองว่าจะกระทบต่อตลาดหุ้น 5 อันดับ ได้แก่ 1.การขึ้นของอัตราดอกเบี้ย 2.การกลายพันธุ์ของโควิด 3.นโยบายการขึ้นภาษีของโจ ไบเดน 4.อัตราเงินเฟ้อ และ 5.ความผิดพลาดจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังของทางการ
ในขณะที่ส่วนใหญ่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยระหว่างปี 2565-2566
หากพิจารณาจากมุมของลูกค้าของผู้จัดการกองทุน ส่วนใหญ่มองตลาดหุ้นสหรัฐไว้แบบกลางๆ ถึงในแง่ดี โดยจะลงทุนตราสารทุนใน 12 เดือนถัดไป ราวร้อยละ 70 และลงทุนในตลาดบอนด์ไม่ถึงร้อยละ 20 รวมถึงส่วนใหญ่ยังมองว่าอัตราผลตอบแทนในตลาดหุ้นสหรัฐใน 10 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ร้อยละ 6-10 ต่อปี
เมื่อผู้จัดการกองทุนถูกถามถึงว่าตลาดหุ้นภูมิภาคใดที่น่าสนใจในอีก 12 เดือนข้างหน้า ส่วนใหญ่มองว่าเป็นตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่และตลาดหุ้นสหรัฐ โดยการลงทุนหุ้นยังเป็นที่นิยมที่สุดที่ร้อยละ 64 ของโพลล์ และชอบหุ้นแนว Value Stock มากกว่าประเภทอื่น โดยลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร้อยละ 12 และลงในอสังหาริมทรัพย์ที่ร้อยละ 7
ขณะที่เซคเตอร์ซึ่งบรรดาผู้จัดการกองทุนคาดว่าน่าจะมีผลประกอบการที่ดีในปีนี้ ได้แก่ การเงินและอุตสาหกรรม ส่วนเซคเตอร์ที่ส่วนใหญ่มองว่าจะย่ำแย่ที่สุดได้แก่ สาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์
ส่วนหุ้นที่เป็นที่นิยมของโพลล์นี้ ได้แก่ Apple, JPMorgan, Amazon, Citigroup และ Facebook ส่วนหุ้นที่ถูกมอว่าแพงเกินไป 5 อันดับแรก ได้แก่ Tesla, Gamestop, Facebook, Snowflake และ Zoom ด้านราคาบิทคอยน์ ณ สิ้นปี 2564 คาดว่าจะเท่ากับ 48,247 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำ คาดว่าจะเท่ากับ 1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาน้ำมัน Nymex ที่ 64.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในส่วนของอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2564 คาดไว้ที่ร้อยละ 5-6 ส่วนอัตราการเติบโตของจีดีพีสหรัฐในปี 2565 ที่ร้อยละ 3-4 และคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายระหว่างปี 2565 และ 2566 ในสัดส่วนของคะแนนที่ไล่เลี่ยกัน ส่วนอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ร้อยละ 2-2.5 ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ด้านค่าเงินดอลลาร์ส่วนใหญ่จะมองว่าแข็งหรืออ่อนค่าในอีก 12 เดือนข้างหน้าด้วยสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยที่ชื่นชมการทำงานของธนาคารกลางสหรัฐมากกว่ารัฐบาลสหรัฐอยู่เล็กน้อย สำหรับการทำงานของโจ ไบเดน ส่วนใหญ่จะให้เกรด B มากที่สุด ตามด้วยเกรด C และเกรด A รวมถึงกังวลถึงปัญหาหนี้ภาครัฐของสหรัฐอยู่บ้าง
โดยภาพรวมแล้วในปีนี้ จะพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะมองตลาดหุ้นสหรัฐเป็น “บวก” มากกว่าความคิดเห็นของผู้จัดการกองทุนโดยรวม
หมายเหตุ: หนังสือการลงทุนเล่มใหม่ "หุ้น Avengers : Infinity Stock" ว่าด้วยการใช้ข้อมูลและแนวคิดเชิงมหภาคแบบครบทุกมิติในการลงทุน ผลงานหนังสือเล่มที่ 5 ของผู้เขียน วางตลาดที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศแล้ว