ก้าวไกลผิดหวังคว่ำ ‘ปิดสวิตช์ ส.ว.’ ลุยประชามติ เปิดทางแก้ทั้งฉบับ
ก้าวไกลผิดหวัง ‘ปิดสวิตช์ ส.ว.’ ไม่สำเร็จ ‘ชัยธวัช’ ชี้ ผลโหวตสะท้อน ส.ว. เป็นอุปสรรค ยันชง ‘ประชามติ’ เพื่อแก้ รธน. ทั้งฉบับต่อไป
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อผลการลงมติในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 13 ฉบับ โดยระบุว่า ผลการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย. 64) เป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง ที่สุดท้ายร่างที่เสนอให้ปิดสวิตช์ ส.ว. ทั้งสองฉบับถูกปัดตกทั้งหมด ทั้งๆ ที่ได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส. มากที่สุดและเกินกึ่งหนึ่งของเสียงในรัฐสภา แต่กลับต้องตกไปเพราะเสียงของ ส.ว.
“ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิก ม.272 ของพรรคฝ่ายค้านและของพรรครัฐบาล 3 พรรค ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. มากที่สุด 441 และ 440 เสียงตามลำดับ เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาแล้ว แต่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. 15 และ 21 เสียงเท่านั้น ไม่ถึงเกณฑ์ 1 ใน 3 ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. กำหนด เช่นเดียวกับร่างฉบับอื่นทั้งหมดที่ไม่มีร่างใดได้เสียง ส.ว. ถึง 1 ใน 3 เลย ดังนั้น จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตอนนี้อุปสรรคสำคัญที่สุดในการแก้ไขวิกฤตรัฐธรรมนูญ ซึ่งควรเริ่มต้นจากการปิดสวิตช์ ส.ว. คือ ส.ว. ซึ่งส่วนใหญ่ยังลุแก่อำนาจที่ตนเองได้มาโดยคณะรัฐประหาร ขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย”
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะเดินหน้าปิด สวิตช์ ส.ว. ต่อไปในสมัยประชุมถัดไปเดือนพฤศจิกายน เพราะถ้าปิดไม่ได้ เสียงของประชาชนก็จะถูกบิดเบือนเหมือนเดิมในการเลือกตั้งครั้งหน้า นอกจากนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการผลักดันให้เกิดการลงประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญ ปี 60 เพื่อเปิดทางให้มี สสร.ที่มาจากประชาชนเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับให้ได้ ซึ่งขณะนี้ พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติได้ผ่านรัฐสภาไปแล้ว อยู่ในระหว่างรอให้นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ภายใน 90 วัน
นั่นหมายความว่าช้าสุด กฎหมายประชามติจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ พรรคก้าวไกลจะเสนอญัตติให้รัฐสภาพิจารณาให้มีการจัดทำประชามติทันที โดย พปชร. และ ส.ว. ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธการทำประชามติ เพราะที่ผ่านมาตอนคว่ำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อให้มี สสร. ก็อ้างว่าต้องให้ประชาชนลงประชามติก่อน ขณะเดียวกัน ประชาชนก็สามารถเข้าชื่อ 50,000 ชื่อเพื่อเสนอไปยัง ครม. ให้ทำประชามติได้เช่นกัน นี่เป็นแนวทางคู่ขนานระหว่างสภากับประชาชนเพื่อแก้วิกฤตรัฐธรรมนูญให้ได้อย่างแท้จริง