มองอนาคตอัฟกานิสถาน ‘ประเทศไร้ศิลปิน’

มองอนาคตอัฟกานิสถาน ‘ประเทศไร้ศิลปิน’

เมื่อตาลีบันยึดอัฟกานิสถานได้สิ่งที่ประชาคมโลกห่วงคืออนาคตของผู้หญิงและเด็กที่เคยถูกตาลีบันกีดกันมาโดยตลอด ตอนนี้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องเป็นห่วงเช่นกันคือ “ศิลปิน”

งานเทศกาลภาพยนตร์เวนิซ ที่เมืองเวนิซ อิตาลีเมื่อสัปดาห์ก่อน สองผู้กำกับหญิงชาวอัฟกันขึ้นเวทีเสวนา เตือนอย่าให้โลกลืมชาวอัฟกันและช่วยกันสนับสนุนศิลปิน เพราะถ้าประเทศไม่มีวัฒนธรรมสุดท้ายแล้วต้องสูญเสียความเป็นตัวตนไป

ซาห์รา คารีมี วัย 38 ปีที่คว้ารางวัลในเวทีนานาชาติมามากมายเล่าว่า แค่สองสัปดาห์คนเก่งระดับอัจฉริยะ“หรืออย่างน้อยก็เคยเป็นผู้มีความสามารถ”พากันหนีออกนอกประเทศ

“คุณลองนึกภาพประเทศที่ไม่มีศิลปินดูสิ” ผู้กำกับหญิงตั้งคำถามพร้อมเสริมว่า เดือนก่อนหลังจากสหรัฐถอนทหารออกไปตาลีบันก็ยึดครองประเทศได้ “ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นอุตสาหกรรมบันเทิงอัฟกันหยุดนิ่งทั้งวงการ ภาพยนตร์ทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การควบคุมของตาลีบัน งานของเหล่าผู้กำกับหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง งานบางส่วนเอาออกไปได้กับคอมพิวเตอร์ของพวกเขา แต่งานอื่นๆ ไม่เหลือเลย” ส่วนคนที่มีแววเป็นผู้กำกับภาพยนตร์อีกหลายพันคนที่หนีออกไปไม่ได้ต้องลบร่องรอยบนโซเชียลมีเดียเพื่อความปลอดภัย แล้วหลบไปทำงานใต้ดิน 

ซาห์รา มานี ผู้กำกับหญิงชาวอัฟกันอีกหนึ่งคนที่โด่งดังจากสารคดี “A Thousand Girls Like Me” บอกเล่าเรื่องเหยื่อของการมีเพศสัมพันธ์ในสายเลือดเดียวกัน กล่าวเสริมว่า สมัยรัฐบาลชุดที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชนและเพิ่งถูกโค่นไปก็ใช่ว่าจะดี ชีวิตเธอเสี่ยงทุกวัน ชีวิตประจำวันไม่สะดวก ทั้งไฟฟ้าดับ อินเทอร์เน็ตล่ม แต่เธอก็ยืนหยัดเพื่อสร้างประเทศ ชุบชีวิตวัฒนธรรม ครั้นตาลีบันมานี่สิ...

 “การล่มสลายนี้หมายความว่า เราสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง” เธอเล่าทั้งน้ำตาพร้อมยกตัวอย่างโรงเรียนสอนมิกซ์ดนตรีเพียงแห่งเดียวในกรุงคาบูล ที่ตาลีบันเข้าไปยึดอาคารแล้วทำลายเครื่องดนตรีของนักเรียน ขณะที่นักเรียนต้องพากันหลบซ่อนตัว

มีนาเป็นประธานองค์การภาพยนตร์อัฟกันคนแรกในปี 2562 เธอเองหนีออกมาในวันที่ 15 ส.ค.

“วันนั้นเริ่มต้นก็ปกติดี แต่หลายชั่วโมงต่อมาฉันต้องตัดสินใจยากลำบากที่สุดในชีวิตว่าจะอยู่หรือออกนอกประเทศ พวกเราเป็นนักแสดง เป็นผู้กำกับ เป็นโปรดิวเซอร์ไม่ใช่นักการเมือง พวกเราแค่ต้องการทำความฝันให้เป็นจริง”

มีนาตัดสินใจพลัดถิ่นในฐานะ “ทูตอัตลักษณ์อัฟกัน” พร้อมเตือนว่า อย่าไว้ใจตาลีบันเด็ดขาด

“พวกเขาไม่ใช่แค่โหดร้ายมากกว่าเดิม แต่ยังฉลาดขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยี มีแต่ประชาคมโลกเท่านั้นที่จะดูแลเราได้ ช่วยเราด้วยเถอะ เราต้องการความหวัง ช่วยเป็นปากเป็นเสียงแทนเรา พูดถึงสถานการณ์ที่เราประสบอยู่” มานีวอน

คารีมีและมานีร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิซในฐานะสมาชิกแนวร่วมนานาชาติเพื่อผู้สร้างภาพยนตร์ที่ตกอยู่ในความเสี่ยง (ไอซีเอฟอาร์) กลุ่มนี้ก่อตั้งขึ้นในงานเทศกาลปีก่อนเพื่อช่วยเหลือศิลปินจากประเทศที่เกิดความวุ่นวาย เช่น เมียนมา แต่วันนี้โลกต้องเป็นห่วงอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้น

ออร์วา ไนราเบีย ชาวซีเรีย ประธานเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติในกรุงอัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า สถานะศิลปินทำให้เหล่าผู้กำกับตกอยู่ในอันตรายที่กลุ่มต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง

“เราทุกคนมีความต้องการปกป้องพวกเขา นี่คือผลประโยชน์ของเรา” ประธานไอซีเอฟอาร์ให้คำมั่น