เปิดมุมมอง พรรัตน์ มณีรัตนะพร ทายาทธุรกิจรับสร้างบ้าน แลนดี้ โฮม
เปิดมุมมอง พรรัตน์ มณีรัตนะพร ทายาทธุรกิจรับสร้างบ้าน แลนดี้ โฮม
ต่อทิศทางตลาดรับสร้างบ้านไทย ในอีก 5-10 ปี
แลนดี้ โฮม เป็นบริษัทรับสร้างบ้านอันดับ 1 ครบวงจร ที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียงจากประสบการณ์การก่อสร้างบ้านมายาวนานกว่า 35 ปี โดยปัจจุบันมีทายาทสานต่อธุรกิจของครอบครัว คุณพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงมุมมองอนาคตต่อทิศทางตลาดรับสร้างบ้านของประเทศไทย ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า
ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา วงการธุรกิจรับสร้างบ้านมีบริษัทหน้าใหม่เกิดขึ้นและเวียนเข้ามาในตลาดอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่ Low barriers to entry ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากทำให้เกิดเจ้าใหม่เข้ามาเล่นในตลาดนี้ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันก็ Low barriers to exit เพราะไม่ต้องลงทุนมากก็สามารถที่จะเปลี่ยนธุรกิจไปได้ง่าย เมื่อภาพรวมธุรกิจเป็นเช่นนี้ จึงเกิดคำถามว่าแล้วจะทำให้เกิด Major Change ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าหรือไม่
คุณพรรัตน์ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า “จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน แต่ในมุมความต้องการของลูกค้า (Demand) บ้านยังเป็นปัจจัย 4 ที่ผู้คนยังมีความต้องการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าบ้านหรือคอนโดก็ยังมีความจำเป็น ดังนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่ แต่ส่วนย่อยที่จะเปลี่ยนคือความหลากหลายในความต้องการและ segmentation เกิดใหม่เพิ่มมากขึ้น เช่นกลุ่มที่มาแรงคือกลุ่มที่ต้องการรียูสบ้านเก่า เช่น การทุบบ้านเก่าเพื่อสร้างบ้านใหม่ในที่ดินเดิม หรือ Renovate บ้านเก่า , กลุ่มรักสุขภาพและประหยัดพลังงานเป็นต้น อีกทั้งจากแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะดัน Demand ในต่างจังหวัดให้โตขึ้นอย่างต่อเนื่องก็เป็นโอกาสในการขยายตลาดไปต่างจังหวัด
ในมุมของ Supply เนื่องจากมีการหมุนเวียนและเกิดหน้าใหม่ในธุรกิจมากขึ้น ถ้าอยากอยู่ได้นานก็จะต้องมีการลงทุนเพิ่มทั้งในส่วนของการผลิต การตลาดและโฆษณาต่าง ๆ รวมทั้งมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญมากขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อที่จะนำเสนอความแตกต่างให้ลูกค้า สามารถให้คำปรึกษาที่รู้จักและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น รวมถึงเพิ่มจำนวนแบบบ้านที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของทุกคนได้ ดังนั้นธุรกิจสร้างบ้านจึงต้องใช้เงินลงทุนในการแข่งขันเพื่อสร้าง Value และเทคโนโลยี
ทิศทางความต้องการของลูกค้าสั่งสร้างบ้านในอนาคต
คุณพรรัตน์กล่าวว่า “เมื่อความต้องการหลากหลายมากขึ้นและ Trend การใช้ชีวิตอยู่ในบ้านมากขึ้น เรื่องราคาจะเริ่มไม่ใช่ปัจจัยหลัก ผู้คนจะเริ่มมองหาความสบาย ต้องการ Space เพื่อตอบสนอง Lifestyle ของตนเองมากขึ้น ส่งผลไปถึงเรื่องความคุ้มค่าและเรื่องของInnovation ที่จะต้องตอบสนองความต้องการ โดยเน้นไปที่เรื่องสุขภาพ การประหยัดพลังงาน ความสบายใจ พื้นที่ปลอดภัย ตลอดจนเทรนด์ผู้สูงอายุก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ต้องตอบสนองความต้องการในหลาย ๆ ด้านด้วย เช่น ในเรื่องของนวัตกรรมบ้านเย็น, บ้านประหยัดพลังงาน, เรื่องสุขภาพและความปลอดภัย
“ดังนั้นพฤติกรรมของลูกค้าในอนาคตจะเปลี่ยนไปจากเดิม ๆ พวกเขาต้องการบ้านที่มีดีไซน์ตรงใจ ตรงตามความต้องการเฉพาะ เช่น อยากมีห้องทำงานที่เข้ากับไลฟ์สไตล์และรองรับการทำงานแบบ Work form home มีห้องออกกำลังกาย มีเคาน์เตอร์บาร์ มีสเปซพอดีสำหรับทั้งครอบครัว และมีความปลอดภัยทุกด้านเมื่ออยู่อาศัยภายในบ้าน สิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
“เมื่อความต้องการกลายเป็นโจทย์ใหญ่ส่วนเรื่องราคาเป็นปัจจัยรอง ปัจจุบันแลนดี้ โฮม จึงมีเทคโนโลยีเสริมให้กับบ้านทุกหลังเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้ครบทุกด้าน เช่น นวัตกรรมบ้านเย็น, บ้านปลอดแมลงสาบ, CAP+ เทคโนโลยีที่ช่วยให้บ้านไม่อับ ไร้ฝุ่น PM2.5 ช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กเล็กรวมถึงการนอนหลับในทุกวัน เมื่อเราเป็นผู้นำเรื่องการสร้างบ้าน เราจึงตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครบทุกด้าน ออกแบบและก่อสร้างบ้านให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดเพื่อให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว”
ตอบโจทย์สร้างบ้านแห่งอนาคตด้วยนวัตกรรม
ด้วยยุคที่เปลี่ยนไป จึงเห็นได้ว่าแบบบ้านใหม่ ๆ ล้วนนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการสร้าง เพื่อให้ตรงใจผู้อยู่มากขึ้น และปัจจุบันก็มีหลายบริษัทที่เริ่มปรับตัว เช่นเดียวกับรถยนต์ที่จะมีเทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาในอนาคต ในด้านธุรกิจอสังหาฯ เองก็เช่นเดียวกันที่จะต้องมีการปรับตัว ซึ่งใน 5-10 ปีข้างหน้า ระบบ Automation จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างแน่นอน
อีกทั้งยังมีเรื่องของ Smart Home ที่ทำให้บ้านเป็นจุดรวมของเทคโนโลยี ตามโลกยุคใหม่ที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและคนเริ่มนิยมใช้เทคโนโลยีเพิ่มเข้ามาในชีวิตกันมากขึ้น อาทิ เปลี่ยนจากรถยนต์เป็นรถไฟฟ้า บ้านก็ต้องเปลี่ยนเป็นบ้านที่รองรับกับรถไฟฟ้า มีตู้เย็นสมาร์ทเทคโนโลยี และแม้แต่ประตูบ้าน แอร์ ผ้าม่านก็นำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมฟังก์ชันให้คนและเทคโนโลยีอยู่ด้วยกัน ส่วนในเรื่องเทคโนโลยีการก่อสร้าง หลายฝ่ายก็ยังจับตามองว่าเมื่อไหร่เทคโนโลยี 3D Printing จะนำมาใช้สร้างบ้านออกสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับบ้านแล้ว ยังต้องเน้นในเรื่องของดีไซน์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่มีเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตด้วย เช่น การติดตั้งจุดชาร์จรถไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้มค่าต้องดีไซน์อย่างไรให้ตรงใจและสวยงาม หรือการติด Solar Cell ให้เข้ากับบ้าน คุ้มค่า ใช้ง่ายและเหมาะกับ lifestyle ซึ่งแลนดี้ โฮม มีการลงรายละเอียดกับทีมงานและลูกค้าเสมอว่าควรดีไซน์หลังคาแบบไหนเพื่อให้ตอบโจทย์ความคุ้มค่า และยังคงความสวยกับบ้านมากที่สุด
โดยแลนดี้ โฮม มีทีม R&D (Research & Development) ที่จะคอยติดตามเทรนด์ ทั้งในเรื่องของการเลือกใช้วัสดุและเรื่องเทคโนโลยีอยู่ตลอด ก็จะมีการพัฒนาในทุกเรื่องให้เข้ากับยุคสมัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
คุณพรรัตน์กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ ทางแลนดี้ โฮม จึงเตรียมแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไว้แล้ว ในหลายปีที่ผ่านมา แลนดี้ โฮม มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยตลอดด้วยคอนเซ็ปต์ “Alway ahead” ก้าวก่อนใครในทุกด้าน โดยจะมีการมอนิเตอร์เทรนด์ต่าง ๆ อยู่ตลอดเพื่อศึกษาและนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสิ่งที่เรามีอยู่ เหนือสิ่งอื่นใดเราใส่ใจในเรื่องของ “คุณค่า” ที่ลูกค้าสมควรได้รับ ถึงในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีเข้ามาใหม่ แต่เราจะเน้นความคุ้มค่าที่รอบด้าน และคำนึงถึงความเหมาะสมที่เข้ากับ Lifestyle ลูกค้าเป็นหลัก โดยทุกเทคโนโลยีของแลนดี้ โฮม จะมีการวิจัยเพื่อเข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้า และเพื่อทำให้ลูกค้าพอใจกับสิ่งที่ได้รับมากที่สุด”
สำหรับใครที่สนใจ สามารถชมแบบบ้านของแลนดี้ โฮม ได้ที่เว็บไซต์ www.landyhome.co.th และสามารถปรึกษาเรื่องสั่งสร้างบ้านได้ที่แลนดี้ โฮม ทุกสาขา หรือโทร 02-938-3456และ ทักไลน์ @Landyhome ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 20,000 บาท/ตร.ม. เท่านั้น พร้อมรับประกันโครงสร้างนานถึง 20 ปี!