กัมพูชาเสริมเขี้ยวเล็บซื้ออาวุธเพิ่มจากจีน

กัมพูชาเสริมเขี้ยวเล็บซื้ออาวุธเพิ่มจากจีน

ผู้ที่แสดงความวิตกกังวลออกนอกหน้าคือรัฐบาลสหรัฐ ที่เกรงว่าฐานทัพเรือเรียนอาจถูกจีน พันธมิตรใกล้ชิดของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้ามาใช้เป็นฐานทัพ

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา ประกาศซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากจีนเพิ่ม 40 ล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัยมากขึ้น หลังจากกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปดูฐานทัพเรือเรียม ในภาคใต้ของประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามตอบโต้และปฏิเสธรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่บอกว่า รัฐบาลกัมพูชา ทำข้อตกลงลับให้จีนประจำการทหารที่ฐานทัพเรือแห่งนี้

วอลสตรีท เจอร์นัล สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐและเจ้าหน้าที่ในกัมพูชาว่า จีนบรรลุข้อตกลงลับกับรัฐบาลกัมพูชาในปีนี้ เพื่ออนุญาตให้จีนประจำการทหารที่ฐานทัพเรือเรียม ซึ่งการอนุญาตให้กองทัพต่างชาติเข้าประจำการในประเทศถือเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญของกัมพูชา

ภายใต้โครงการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากจีนเพิ่มขึ้นครั้งนี้ เป็นการสั่งซื้อเพิ่มจากจำนวนเต็ม 290 ล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงกองทัพกัมพูชาให้มีความทันสมัย

ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างจีนกับกัมพูชาพัฒนาขึ้นอย่างมาก เห็นได้ชัดจากที่มีการขยายกรอบความร่วมมือที่หลากหลายมากขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว คาดว่าเป็นผลจากการที่ปีที่แล้ว ทั้งสองประเทศเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและกัมพูชามีโอกาสที่จะพัฒนาต่อไปได้อีกในทุกด้าน จากการที่รัฐบาลพนมเปญ ร่วมเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของแผนยุทธศาสตร์ “เส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21” หรือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” โดยรัฐบาลปักกิ่ง แสดงความหวังในการขยายกรอบความร่วมมือใน 4 ด้านที่สำคัญกับกัมพูชา คือการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคล ที่รวมถึงการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ซึ่งการยกระดับความร่วมมือสามารถขยายไปถึงระดับอนุภูมิภาค คือกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง และความร่วมมือระหว่างจีนกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน )

การที่กัมพูชามีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับจีน เกิดขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ประกาศนโยบายใหม่เป็นนโยบายแรกของปีนี้ นั่นคือ "นโยบายอิสรภาพแห่งชาติกัมพูชา” เพื่อแสดงความต้องการที่จะลดการพึ่งพาสองตลาดหลักของกัมพูชา คือ ยุโรป และสหรัฐ และหันมาให้ความสำคัญกับการค้าการลงทุนภายในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น รวมไปถึงการปรับปรุงและลดขั้นตอนต่าง ๆ ของระบบศุลกากรตามเขตพรมแดน เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน

“นโยบายใหม่นี้จะมุ่งเปิดทางสะดวกในการค้าขายในเอเชีย โดยเริ่มแรกจะปรับลดค่าธรรมเนียมทั้งการนำเข้าและส่งออกตามเขตพรมแดนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสนับสนุนให้มีกำไรจากการค้าขายมากขึ้น และขณะนี้ เริ่มปรับปรุงมาตรการตรวจคนเข้าเมืองเพื่อลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก รวมถึงช่วยลดบุคลากรในการทำงานลงด้วย” นายกรัฐมนตรีฮุน เซน กล่าว

รัฐบาลกัมพูชา ยังระบุว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป รวมถึงสินค้าเกษตร เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลกัมพูชาจึงเสนอให้กัมพูชาเป็นฐานการผลิตสิ่งทอของธุรกิจจีน รวมถึงเพิ่มโควตาสำหรับสินค้าเกษตรบางประเภท ด้วยความหวังว่าจะช่วยชดเชยผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของนานาประเทศได้ โดยคาดการณ์ว่า การคว่ำบาตรอาจฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชาให้เติบโตเพียง 5-6% ต่อปี จากที่เคยเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี

นอกจากนี้ รัฐบาลจีน ยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพร้อมสนับสนุนกัมพูชาเดินบนหนทางการพัฒนาที่ตรงกับสภาพความเป็นจริงของประเทศ ตลอดจนร่วมกันเดินหน้าหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีน-กัมพูชาให้ไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง